พูดถึง “พระ” ไม่ว่าในความเชื่อใด
คนมักมีภาพลักษณ์แห่งอำนาจอานุภาพฤทธิเดช
น่าเกรงขามแต่ก็ต้องพึ่งพา
มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงเกินความสามารถมนุษย์
ต้องเข้าหาฝากเนื้อฝากตัวพึ่งพาขอความเมตตา
แม้กลัวเกรงแต่ก็ต้องทำกล้าเชิงถ่อมเนื้อถ่อมตัว
ทั้งกราบไหว้ทั้งพินอบพิเทาทั้งของเซ่นของถวาย
พร้อมสำนึกที่สูงที่ต่ำกาลเทศะเจียมตน
จะอาจเอื้อมรบกวนเฉพาะยามจำเป็นยามเข้าตาจน
นอกเหนือจากนั้นต้องอัญเชิญขึ้นหิ้งขึ้นอาสน์...

แต่พอ “พระเจ้า” ลดองค์มาเป็นมนุษย์
ฤทธิ์อำนาจถูกเปลี่ยนขั้วอย่างนึกไม่ถึง
จากฤทธานุภาพเกรียงไกรยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
มาเป็นอานุภาพแห่งความรักปราศจากเงื่อนไข

ผู้คนที่เคยชินกับภาพลักษณ์เก่าของพระองค์
จึงรับไม่ได้ถือว่าดีเกินกว่าจะเป็นจริง
ยังคงอยากให้ความกลัวเกรงเป็นฐานความสัมพันธ์
มากกว่าจะให้ความรักเป็นที่ตั้ง
ยิ่งสำนึกว่าเคยทำผิดเคยขัดขืนคำสั่งพระเจ้า
จนต้องตกระกำลำบากทั้งกายทั้งใจ
ความเกรงกลัวพินอบพิเทาจึงเป็นท่าทีโดยธรรมชาติ
ถึงจะต้องคอยหวาดหวั่นพระพิโรธจนต้องทำตัวออกห่าง
แต่ก็ยังรู้สึกสบายใจปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง
กล้าๆกลัวๆจึงเป็นท่าทีธรรมชาติแห่งศาสนกิจ...เหมือนเดิม

จึงไม่แปลกที่ผู้คนรับไม่ได้
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของพระเจ้า
พระเจ้าแห่งความรัก พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดา
เริ่มจากประสบการณ์ชีวิตประจำวัน
ทั้งความสัมพันธ์พ่อลูกทั้งวิถีธรรมชาติรอบด้าน
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกภาพลักษณ์เก่า
แถมยังตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาของข้อมูล
รู้มาจากไหนรู้ได้อย่างไรรู้จริงหรือเปล่า
ในเมื่อไม่มีใครเคยพบเห็นพระเจ้า
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างไร
จะเป็นการบังอาจไม่รู้ที่สูงที่ต่ำหรือเปล่า...

คำอุปมา “ลูกล้างผลาญ” เลยกลายเป็นเทพนิยายไปโดยปริยาย
เพราะดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้
เริ่มตั้งแต่ท่าทีของพ่อตอนแบ่งมรดกให้ลูก
แล้วนั้นท่าทีของพ่อตอนลูกสำนึกกลับมา
ทั้งที่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันไว้อย่างชัดเจน
แม้พ่อชั่วช้ายังรักลูกให้สิ่งดีๆแก่ลูก
สาอะไรกับพระบิดาผู้ทรงเป็นความรักอันบริสุทธิ์

คำอุปมา “ลูกล้างผลาญ” เลยต้องมีภาคสอง
ภาคนี้คนที่ต้องออกจากบ้านคือ “บิดา”
ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นความรัก
แต่คนในครอบครัวไม่ต้องการภาพลักษณ์นี้
ยังอยากดำเนินชีวิตด้วยความกลัวความเกรงเป็นหลัก
จึงไม่มีที่สำหรับภาพลักษณ์พระเจ้าแห่งความรัก
ยิ่งไปกว่านั้นคนทุกวันนี้มีได้ทำได้ทุกอย่างตามต้องการ
เลยไม่ต้องพึ่งพาพินอบพิเทาพระเจ้าเหมือนก่อน
สามารถดำเนินชีวิตได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน
ถือว่ามีพระเจ้าก็ได้ไม่มีพระเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร
ดีไม่ดีไม่มีพระองค์จะรู้สึกดีกว่าเสียอีก
เพราะทำได้ทุกอย่างตามใจชอบตามที่ต้องการ
พระเจ้าจึงต้องออกจากบ้านไป...โดยปริยาย•