
ถ้าเด็กถือว่าผู้ใหญ่เป็นแค่ผู้ใหญ่อย่างเดียว ไม่ได้เป็นบิดา
เป็นพี่และเพื่อนก็ได้แต่กลัวอย่างเดียวแทนที่จะรัก...
ดังนั้นถ้าอยากให้เด็กมีจิตหนึ่งใจเดียวกับผู้ใหญ่
ต้องทำลายกำแพงแห่งความไม่ไว้วางใจกัน
และสร้างความไว้วางใจและเป็นกันเองขึ้นมาใหม่...
เวลานั้นเด็กๆ จะนบนอบเชื่อฟัง ดังลูกนบนอบเชื่อฟังพ่อแม่
(คุณพ่อบอสโก จดหมายจากกรุงโรม)
มันน่าจะเป็นวันที่สนุกสนาน รื่นเริง แจ่มใส
อากาศก็เป็นใจให้ ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น
เหมาะสำหรับพิธีปิดการสัมมนาประจำปี ของเด็กช่วยจารีต
แม้จะใช้เวลาแค่สั้นๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขา
ตระหนักในบทบาท
พวกเขาไม่เป็นแค่เด็กช่วยจารีต
แต่มีส่วนในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์...ตามบทบาท
ใกล้ชิดพระเยซูเจ้า ทุกครั้งที่พระองค์เสด็จมา
สมกับความรัก ความเอ็นดู ที่พระองค์ทรงมีให้พวกเขาเป็นพิเศษ
การสัมมนาจบลงด้วยมิสซาชวนศรัทธา
เพื่อพวกเขาและมีพวกเขาร่วมบทบาทใกล้ชิด
ต่อด้วยการเที่ยวทะเล...เล่นน้ำ เล่นเกมส์
โดยมีคุณพ่อเจ้าอาวาสวัยสี่สิบสี่ดูแลใกล้ชิด
ตั้งแต่มาประจำวัดได้สี่ปี คุณพ่อใกล้ชิดเด็กๆ เป็นพิเศษ
ตามคำแนะนำของสงฆ์ผู้อาวุโส...พ่อวิญญาณประจำ
อยากจะเข้าถึงพ่อแม่ ต้องใกล้ชิดและสนิทกับเด็กๆ
อยากสร้างหมู่คณะคริสตชนที่เข้มข้น จงเริ่มสร้างกับเด็กๆ
อยากเตรียมพลเมืองดีของชาติ เริ่มเตรียมจากเด็กๆ...
ด้วยวัยและนิสัยเริงร่า หน้าเปื้อนรอยยิ้มเป็นนิจ
แถมเป็นนักกีฬาและนักว่ายน้ำตัวยง
เจ้าวัดกับเด็กๆ จึงเข้ากันได้ดี แทบเป็นเพื่อนร่วมรุ่น
เด็กพากันลงเล่นน้ำทะเล ที่อบอุ่นเพราะแสงแดดยามสาย
เสียงหัวเราะ เสียงเย้าแหย่ เสียงตะโกนเรียกกัน
ทำให้หาดทะเลไร้ผู้คน ดูมีชีวิตชีวาขึ้นฉันพลัน
เจ้าวัดในชุดสงฆ์ ดำยาว ดูสง่า ยืนดูแลเด็กไม่ห่างออกไป
พร้อมกับร้องเชื้อเชิญให้เด็กที่ยังลังเลลงไปสนุกกับเพื่อนๆ
แต่แล้วเสียงร่าเริงของเด็กที่อยู่ในน้ำเปลี่ยนเป็นเสียงตกใจ หวาดกลัว
ถึงแม้ว่าน้ำตรงนั้นจะไม่ลึก แต่เด็กมีท่าทียืนเท้าไม่ถึงทราย
กวัดแกว่งมือ กะพุ้ยน้ำ เพื่อให้หัวน้อยๆ พ้นน้ำขึ้นมา
แกก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง
บางคนเริ่มร้องไห้เสียงดัง อย่างไม่อายใคร
ขณะที่คลื่นทะเลเริ่มซัดพวกเขาไปเหมือนเรือหางเสือหัก
หลุมทรายที่เกิดขึ้นเพราะกระแสคลื่นทำให้น้ำตื้นกลายเป็นหลุมลึกจนตั้งตัวไม่ติด
คุณพ่อเจ้าวัดทิ้งถุงที่ถืออยู่ในมือ วิ่งลงน้ำตรงไปหาเด็กๆ
ชีวิตน้อยๆ กำลังอยู่ในอันตรายต่อหน้าต่อตา จนลืมแม้กระทั่งจะถอดเสื้อหล่อดำออก
ปากก็ตะโกนให้เด็กตั้งสติ พยายามลอยคอไว้
เด็กสองคนแรกถูกลากกึ่งอุ้มฝ่าคลื่นเข้าฝั่ง
แล้วก็รีบเร่งกลับไปช่วยเด็กที่เหลือ ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่ละเที่ยวก็ไกลออกไปทุกที เพราะกระแสคลื่น
ปากก็ร้องตะโกนให้ใครก็ได้ ช่วยชีวิตเด็กที่เหลือ
กระทั่งเด็กคนสุดท้าย...คนที่เจ็ด
ร่างของคุณพ่อก็ทรุดกองอยู่ริมน้ำ...หมดแรง
เด็กทุกคนปลอดภัยหรือเปล่า...
เสียงขาดๆ ที่พยายามจะถาม เมื่อมีคนกรูเข้ามาช่วยเหลือ
และก่อนจะได้รับคำตอบยืนยัน หัวใจที่เหน็ดเหนื่อยสุดขีดก็หยุดเต้น
เปล่าประโยชน์ที่เจ้าหน้าที่จะพยายามยื้อฉุดชีวิตคุณพ่อไว้
ทั้งเมืองดูจะหยุดการเคลื่อนไหวใดๆ ขณะที่ร่างของคุณพ่อเจ้าวัดนอนสงบในโลงไม้สีน้ำตาลอ่อนเชิงบันไดพระแท่น
...คุณพ่อสเตฟาโนยืนยันด้วยชีวิตถึงวีรกรรมแห่งรัก
คุณพ่อเคยเทศน์สอนเราให้รักอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงสอน
ตอนนี้คุณพ่อก็พิสูจน์ด้วยชีวิตว่า เราทำอย่างที่พระองค์สอนได้
ไม่มีรักใดยิ่งใหญ่เท่ากับยอมตายเพื่อคนที่รัก...
นายกเทศมนตรีกล่าวไว้อาลัย น้ำเสียงเศร้า คละเสียงสะอื้นของผู้คนในวัด
นี่คือสงฆ์แท้...สงฆ์ของพระคริสต์...
เสียงคนพึมพำ ขณะที่เพื่อนสงฆ์แบกโลงออกมาหน้าวัด
สะท้อนสิ่งที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัว สงฆ์ วีรบุรุษ อย่างภาคภูมิใจ •