รรยากาศรุนแรงในสังคมเพิ่มขึ้นทุกวัน
เป็นความรุนแรงที่เปิดเผยโจ่งแจ้งกล้าแสดงออก
จนดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสังคมยุคนี้
และนี่คือความน่ากลัวน่าวิตกน่าหวาดหวั่น
คนที่ไม่เกี่ยวข้องคนรักสงบคนหาเช้ากินค่ำต้องผวา
เพราะความรุนแรงไม่อยู่เฉพาะในแวดวงคนนิยมฝักใฝ่
แต่สนามความรุนแรงคือทุกพื้นที่ชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวัน
ถนนหนทางสถานการศึกษายวดยานสาธารณะร้านอาหาร
“ลูกหลง” กลายเป็นชะตากรรมคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่
บ่อยครั้งเสียอีกคนนิยมความรุนแรงกลับรอดปลอดภัย
ในขณะที่คนไม่เกี่ยวข้องด้วยแม้แต่น้อยกลับโดนแทน
ชีวิตคนดีคนรักสันติคนมีคุณภาพต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ
เพียงแค่สองกลุ่มมองหน้ากันสองคนแย่งสาวเสิร์ฟ
สองพวกอวดศักดาสองสถาบันใช่ชุดต่างกัน...

จะว่าไปแล้วความรุนแรงบ่มเพาะกันมาหลากหลายรูปแบบ
เริ่มตั้งแต่ความรุนแรงในบ้านในครัวเรือน
พ่อแม่ทะเลาะเบาะแว้งขนาดลงไม้ลงมือกัน
ลูก ๆ เลยต้องพลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลข
แล้วนั้นก็ความรุนแรงที่พบที่เห็นที่สัมผัสได้ในเกม
จะชนะได้แต้มได้แช้มป์ต้องทำลายต้องเข่นฆ่าต้องขจัดฝ่ายตรงข้าม
ยิ่งต้องมาเสพความรุนแรงในรูปแบบละครโทรทัศน์อยู่ทุกวันทุกคืน
ความรุนแรงก็ยิ่งแทรกซึมเข้าถึงแก่นจนกลายเป็นธรรมชาติที่สอง
การมองการคิดการตัดสินก็วนเวียนอยู่แค่นั้น
พอเห็นผู้ใหญ่กล้าทำกล้าแสดงความรู้สึกกล้าท้าทาย
แม้กระทั่งในสถานที่อันทรงเกียรติก็ยังไม่ยับยั้งชั่งใจเก็บความรู้สึก
รุนแรงทั้งคำพูดรุนแรงทั้งท่าทีรุนแรงทั้งการกระทำ
กระแสความรุนแรงก็ยากจะยั้งยากจะหยุดยากจะเอาอยู่
เหตุผลคุณธรรมจรรยาบรรณต้องกลายเป็นรองในทุกเรื่อง
ยิ่งในทุกวันนี้ความรวดเร็วทันใจเป็นจุดขาย
อะไรได้เร็วอะไรได้ทันใจอะไรเห็นได้ทันตาถือว่าสุดยอด
การจะเจรจาใช้เหตุใช้ผลใช้ใจใช้คุณธรรมแก้ไขความขัดแย้ง
ต้องใช้ทั้งเวลาทั้งความพากเพียรทั้งความเข้าใจทั้งความเห็นอกเห็นใจ
สู้ใช้มาตรการรุนแรงเฉียบขาดไม่ได้
ทั้งที่มนุษย์กับสัตว์ต่างกันที่สติปัญญาเหตุผลจิตใจคุณธรรม
แต่ก็ไม่วายหันกลับมายึดกฎใครเร็วใครได้ใครแข็งแรงกว่าใครชนะ
หรือว่ามีอะไรบางอย่างผิดพลาดในขั้นตอนวิวัฒนาการ
จนคนพากันหันมาคบหาเลี้ยงดูสัตว์เป็นเพื่อน...ยิ่งกว่าเพื่อน

เห็นมาตรการแก้ไขความรุนแรงในนักเรียนนักศึกษาแล้วเหนื่อยใจแทน
เปลี่ยนชื่อสถาบันให้เหมือนกันเปลี่ยนเครื่องแบบให้กลมกลืนกัน
แม้กระทั่งขู่จะปิดโรงเรียนปิดสถาบันที่นักเรียนนักศึกษามีเรื่องมีราว
แต่ก็คงไร้ผลเพราะเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ
นักเรียนนักศึกษาอีกเป็นร้อยเป็นพันพลอยต้องลำบากทั้งที่ไม่เกี่ยว
และถึงจะเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนชุดแต่ไม่เปลี่ยนทัศนคติก็คงไร้ผล
หากนักเรียนนักศึกษาที่มีปัญหายังคิดว่านั่นคือการสร้างคุณค่าแห่งตน
เมื่อยังไม่มั่นใจว่ามีคุณค่าก็ต้องอิงคุณค่ากับชื่อสถาบัน
ใครลดคุณค่าดูหมิ่นสถาบันก็ถือว่าลดคุณค่าตนโดยปริยาย
อันที่จริงแล้วไม่มีใครเขาลดคุณค่าตนเองนอกจากตัวเองนั่นแหละ
เริ่มจากการยอมให้คนอื่นกำหนดคุณค่าให้
ไม่ว่าจะกระแสนิยมไม่ว่าจะกระแสดาราไม่ว่าจะกระแสนักร้อง
แถมคุณค่าที่แต่ละกระแสเสนอให้ล้วนไม่จีรังไม่ถึงแก่ไม่เที่ยงแท้
คุณค่าแท้จริงที่แต่ละคนมีเลยต้องถูกทั้งเบียดบังทั้งบดบัง
จนขาดจุดยืนขาดความมั่นใจขาดความเชื่อมั่นในคุณค่าแห่งตน
ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าคนหนึ่งที่ไม่เห็นในคุณค่า...แห่งตน •

 



-TOP-