วันนั้นก็เหมือนกับทุกวัน
ออกจากบ้านขึ้นรถประจำทางไปโรงเรียน
จะต่างกับวันอื่นๆ ตรงที่ออกจากบ้านแต่ไปไม่ถึงโรงเรียน
ต้องเปลี่ยนทิศทางและจุดหมายปลายทางอย่างกะทันหัน
ไม่ได้ไปเองแต่ถูกนำไปส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ยังไม่ถึงครึ่งทางก็หมดความรู้สึกหมดสติไปแล้ว
บาดแผลจากกระสุนปืนแทบจะเจาะร่างน้อยพรุนไปทั้งตัว
จำได้ลางๆก่อนหมดสติมีกลุ่มเด็กอาชีวะไล่ตีกันขึ้นรถ
ตามด้วยเสียงปืนดังสนั่นมาจากข้างรถขณะที่ผู้โดยสารตกตะลึง
ก่อนจะก้มตัวหมอบราบหาที่กำบังหนีตายกันโกลาหล
กว่าจะหายตระหนกตกใจขวัญหนีดีฝ่อกลุ่มก่อเหตุก็สลายหายไปหมดแล้ว
แต่เด็กนักเรียนตัวน้อยเหยื่อกระสุนปืนไม่มีโอกาสรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
ไม่คิดและไม่มีใครคิดว่าชีวิตที่เพิ่งเบ่งบานจะต้องจบลงในวัยเก้าขวบ
ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวมีปากมีเสียงกับใครขนาดคอขาดบาดตาเช่นนี้
จะผิดหากถือว่าผิดก็แค่ยืนอยู่ตรงบันไดขึ้นลงในเสี้ยววินาทีนั้น
จะผิดหากถือว่าผิดก็แค่อยู่ระหว่างสองกลุ่มนักเลงในคราบนักเรียนไล่ตีกัน
จะผิดหากถือว่าผิดก็แค่เกิดมาเป็นคนไทยในบริบทสังคมแบบไทยๆ
บริบทที่นิยมความรุนแรงทุกรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาทุกระดับ
บริบทที่มีแต่ลูกแต่เหมือนไม่มีพ่อแม่ใกล้ชิดให้การอบรม
บริบทที่มีพ่อแม่คอยสั่งคอยสอนแต่เหมือนไม่มีลูกนอบน้อมเชื่อฟัง
บริบทที่ผู้ใหญ่ผู้ทรงเกียรติในสังคมทำตัวเป็นแบบอย่างไม่ดีไร้จรรยาบรรณ
บริบทที่โรงเรียนเน้นความเป็นเลิศเน้นความฉลาดด้านวิชาการเป็นใหญ่
บริบทที่วัดวาอารามมีแต่ชีสงฆ์เด็กวัดพำนักเข้าออก
บริบทที่คนเน้น “ตัวข้าเป็นใหญ่” “ตัวข้าคือกฎหมาย” “ตัวข้าคือศีลธรรม”...

พอเกิดเรื่องทีก็เที่ยวโทษเด็กโทษพ่อแม่โทษโรงเรียน
แต่จะโทษเด็กก็ไม่ถูกในเมื่อผู้ใหญ่สร้างแนวร่วมกันไว้
เด็กเกิดมาเติบโตในบริบทครอบครัวบริบทสังคมที่ติดกระแสนิยม
เหมือนเป็นกรอบเป็นมาตรฐานให้เด็กได้แต่ซึมซับก่อนจะเรียนรู้
จะโทษพ่อแม่ไม่สั่งสอนอบรมลูกก็ไม่ถูกทั้งหมด
ในเมื่อต้องตกอยู่ในวังวนปากกัดตีนถีบทำมาหากินตัวเป็นเกลียว
แค่เห็นหน้าเช้าค่ำหาโรงเรียนจ่ายค่าเล่าเรียนแถมค่าขนมติดกระเป๋าก็บุญแล้ว
ใจก็ได้แต่หวังว่าลูกจะได้รับการอบรมจากครูบาอาจารย์ช่วยเสริมหน้าที่พ่อแม่
แต่กระแสที่สื่อกระแสที่ค่านิยมพากันขย่มพากันกระเพื่อมจนเกินจะต้าน
แค่ลูกไม่หัวร้างข้างแตกไม่ถูกตำรวจหิ้วตัวขึ้นโรงพักก็ดีถมแล้ว
จะโทษโรงเรียนก็ไม่ยุติธรรมอีกเหมือนกัน
แค่เคี่ยวเข็ญให้นักเรียนมีสมาธิตั้งใจเล่าเรียนหาความรู้ก็หมดวันแล้ว
เช้าให้โอวาทก่อนเรียนรายวิชามีอบรมเน้นความจริงจังด้านระเบียบวินัย
อย่างน้อยตราบใดที่เด็กอยู่ในบริเวณโรงเรียนก็ยังอยู่ในสายตา
แต่พอพ้นประตูโรงเรียนออกไปก็เหมือนกับปล่อยปลาลงน้ำ
แต่ละกระแสสังคมล้วนรุนแรงยั่วยวนชักจูงยากจะว่ายทวนกระแสได้
มาตรการเจ้ากระทรวงศึกษาธิการในการแก้ปัญหานักเรียนดูดีก็แค่หลักการ
“จะปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนการประเมินผล
เพื่อนำไปสู่การสอนในเรื่องความรู้ร้อยละ 70 ของเวลาทั้งหมด
ส่วนร้อยละ 30 มุ่งเน้นให้เด็กพัฒนาในความเป็นคนดีเพิ่มขึ้น...”
เพราะตราบใดที่ยังไม่ช่วยกันแก้ไขกระแสค่านิยมในสังคม
มาตรการแต่ละอย่างก็คงได้แต่เกิดแล้วก็ตายก่อนโตเหมือนเดิม...

ในขณะที่คนทั้งโลกให้ความสนใจแก้ปัญหาโลกร้อน
แค่เผาโฟมกล่องสองกล่องพลาสติกถุงสองถุงก็ถือว่าเพิ่มความร้อนให้โลก
แต่กลับไม่ค่อยสนใจปัญหาบรรยากาศสังคมที่เสื่อมโทรมลงทุกวัน
ความเห็นแก่ตัวความรุนแรงความเกลียดชังความเลวร้ายที่แต่ละคนก่อขึ้น
ล้วนไปสั่งสมหมมหมักอยู่ในบรรยากาศสังคมที่เด็กเติบโตหายใจเข้าออกทุกวี่ทุกวัน
ถ้าอย่างนี้คงโทษใครไม่ได้...นอกจากโทษตนเอง...ทุกคน ทีละคน •


 



-TOP-