ตั้งแต่มีรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยคนใหม่  ปัญหายาเสพติดดูจะได้รับการพูดถึงมากขึ้น
       แถมมีผลงานจับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายให้เห็นแทบทุกวัน
       แต่ก็แปลกแม้จะมีการเพิ่มโทษและระดมการกวาดล้าง  ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายดูจะไม่หวาดหวั่น
       ก็เพราะผลตอบแทนนั้นมันคุ้มค่าต่อการเสี่ยงหลายสิบหลายร้อยเท่า
       เงินหมาศาลที่ได้มาเป็นกอบเป็นกำ  มีมากเกินพอไว้ประกันตัวหากเพี่ยงพล้ำถูกจับ
       แถมยังมีเหลือเฟือไว้ซื้อตัวปิดปากเจ้าหน้าที่ปราบปรามได้อย่างฉมัง
        ที่สุดแล้ว  การปราบปรามยาเสพติดก็ทำไปทำนองปราบหญ้าแห้วหมู
       เด็ดใบหญ้าทิ้ง  แต่ไม่เคยไปแตะต้องรากเง้าชนิดถอนรากถอนโคน
       ไม่แปลกใจที่หญ้าแห้วหมูยังขึ้นรกเต็มสวน
       ระบาดไปทั่วหัวระแหง ติดกันงอมแงมตั้งแต่คนใหญ่ไล่ลงมาวัยรุ่นวัยเด็ก
        มีจำหน่ายทุกแห่ง  ไม่เว้นแม้กระทั่งในสถานการณ์ศึกษา
       ก็พ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติหันมารวยลัดกับตัวการบ่อนทำลายอนาคตของชาติเสียเอง  เด็กที่ไหนจะพ้นเงื้อมมือมัจจุราชในรูปแบบยาเม็ดเล็ก  ดูไร้พิษสง เหล่านี้ได้?
       ที่มีเงินน้อยร้อยกว่าบาท  ก็ต้องพอใจกับแค่ยาบ้าราคาซื้อหาพอดีกัน
       ที่มาจากครอบครัวมีอันจะกินหน่อย ก็เที่ยวซื้อหายา Ecstasy เม็ดละ 800-1,000 บาท
       เพียงเพื่อแลกเปลี่ยนกับ “การหลุดพ้น” ชั่วระยะหนึ่ง
       หลุดพ้นจากตนเอง หลุดพ้นจากปัญหา หลุดพ้นจากความจำเจซ้ำซาก  หลุดพ้นจากสถานภาพหลุดพ้นจากกรอบสังคม  หลุดพ้นจากความกังวลถึงอนาคต  หลุดพ้นจากกาลเวลา...
       สรรพคุณนั้นทันตาเห็น  เปลี่ยนได้แม้กระทั่งบุคลิก
       จากขี้ขลาดขี้อาย  กลายเป็นกล้าจนบ้าบิ่น  จากพูดน้อย  เป็นพูดต่อยหอยไม่รู้จบ
       สิ่งที่เคยควบคุมตนเองไว้ หายสิ้นไปในพริบตา  เหลือแต่สนุกสนานกับการเต้นได้ทุกจังหวะทุกบทเพลง
       เพลินแม้กระทั่งกับการนั่งมองแสงไฟและวัตถุสะท้อนแสง...
    
   จนกว่ามันจะหมดฤทธิ์นั่นแหละ  อาการหวนกลับจึงเริ่มส่งผล
       หมดเรี่ยวแรง  นอนไม่หลับ  เบื่ออาหาร  ไร้ซึ่งชีวิตชีวา  อารมณ์หวั่นไหว... จนอดรนทนไม่ได้ ต้องหาทาง “หลุดพ้น” อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้งหนึ่ง


         นั่นคือยาเสพติด  มัจจุราชที่คอยฉุดกระชากลากออกจากโลกแห่งความเป็นจริง ไปสู่โลกแห่งความเลื่อนลอย  ไร้ตัวตน

       ทุกครั้งที่คร่าเหยื่อได้แล้ว ทันจะกัดไม่ปล่อย ฝังเขี้ยวเล็บคมกริบสองอันลึกเข้าไปถึงไขกระดูก
       เขี้ยวแรก  เมื่อเสพแล้ว ก็จะ “ติด”  จนไม่อาจจะเลิกได้
       มันกลายเป็นวัฎจักรแห่งความต้องการที่นำไปสู่ความต้องการ  อย่างไม่รู้จบ
       เขี้ยวสอง  เสพแล้วทำให้ “หลุด”  ไปจากโลกแห่งความเป็นจริง
       จากโลกแห่งความเจ็บปวดไปสู่โลกที่ไร้ความสำนึกใดๆ
       จากโลกแห่งปัญหา  ไปสู่โลกที่ลืมได้ทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กปัญหาใหญ่
       จากโลกแห่งความทุกข์  ไปสู่โลกไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ จนให้รู้สึกเบาหวิว
       จากความทรงจำ  ไปสู่โลกที่ไม่มีอดีต  ไม่มีอนาคต  ไม่มีแม้กระทั่งปัจจุบัน
       จากกาลเวลาไปสู่ช่วงเวลาไร้วันไร้คืนไร้เดือนไร้ปี

       ว่ากันแล้ว  ยาเสพติดคงไม่ใช่แค่สองอย่างที่พากันหวาดหวั่นวิตกอยู่ในขณะนี้เท่านั้น
       หากคือทุกสิ่ง  ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร  ที่ก่อให้เกิดสองอย่างนี้ขึ้นมา  กล่าวคือ การติดและการหลุดพ้น  พ้นไปจากความเป็นจริง พ้นไปจากการครองตน...
       ถึงแม้จะไม่มีการตรากฎหมาย  ขึ้นทะเบียนเป็นยาเสพติดต้องโทษ  แต่สมรรถนะการทำลายไม่แพ้กัน
       ท่านผู้อ่านลองคิดดูสิครับ  อะไรบ้างที่ทำให้ “ติด” และ “หลุดพ้น” ที่น่าจะจัดเจ้าเป็นยาเสพติดประเภทหลังนี้บ้าง
        ตอนหน้าผมจะมาคุยให้ฟัง •

 

 

 



-TOP-