พระเจ้าข้า
โปรดช่วยให้ลูกหิว
"พระบิดาของเราประทานอาหารจากสวรรค์
ให้แก่พวกท่านเป็นอาหารที่แท้จริงอาหารนี้
คือพระองค์ ผู้เสด็จลงมาจากสวรรค์และประทาน
ชีวิตให้แก่โลก" (ยอห์น 6, 24-35)
เมื่อได้ทานปังและปลาจนอิ่มหนำแล้ว ประชาชนเริ่มเสอะหาพระเยซูเจ้า
พวกเขาหมายตาจะยึกพระองค์ไว้ให้อยู่ เพราะเห็นกับตาแล้วว่าพระองค์สามารถ
แก้ปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องได้ดี อย่างไม่น่าเชื่อ
พวกเขาคิดจะตั้งพระองค์ชึ้นเป็นกษัตริย์ด้วยซ้ำ
แต่พระเยซูเจ้าทรงหยั่งรู้ว่า จริงๆ แล้ว แรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังคือการอยากจะได้
เห็นและได้รับผลจากอัศจรรย์ของพระองค์เท่านั้นเอง
"พวกท่านเสาะหาเรา ไม่ใช่เพราะอัศจรรย์หรอก แต่เพราะได้กินอย่างอิ่มหนำ"
คำว่า เสาะหา เป็นคำที่มีลักษณะจำเพาะในพระวรสารของ น.ยอห์น
พระเจ้าทรงเสาะหาผู้นมัสการที่แท้จริงในจิตและความจริง
พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงเสาะหาเกียรติและน้ำพระทัยของพระองค์เอง แต่พระสิริมงคลและ
น้ำพระทัยของพระบิดาเจ้า
พวกยิวเสาะหาพระเยซูเจ้าเพื่อจะฆ่าพระองค์เสีย
และศิษย์ที่เสาะหาพระเยซูเจ้าเพื่อจะได้อยู่กับพระองค์
คำว่า "เสาะหา" จึงเป็นคำแรกๆ ที่พระเยซูเจ้าตรัสในพระวรสาร น.ยอห์น
"เมื่อทรงเห็นพวกเขาตามมา พระเยซูเจ้าตรัสถามพวกเขาว่า 'พวกท่านเสาะหาสิ่งใด'"
(ยอห์น 20,15)
และเมื่อทรงกลับคืนชีพ พระองค์ตรัสถามารีอา ชาวมักดาลา ที่รออยู่หน้าคูหาว่า
"สตรีเอ๋ย ทำไมจึงร้องให้ กำลังเสาะหาใครอยู่หรือ" (ยอห์น 20,15)
พระเจ้าทรงต้องการให้ทุกคนที่ติดตามพระองค์ถามตนเองอยู่เสมอว่า "ฉันหวังจะได้อะไร
จากพระเยซูเจ้า ฉันเสาะหาพระองค์ทำไม และจริงๆ แล้วใครแน่ที่ฉันเสาะหา"
พระองค์ไม่ต้องการคำตอบไพเราะที่สรรค์ขึ้นมาตอบ ให้ฟังและเคลิบเคลิ้มหลงใหลหรือ
ดูศรัทธาเร่าร้อน
แต่ทรงต้องการให้เราแต่ละคนสร้างความสำนึกถึงความเป้ฯคริสตชนของเรา
เพราะมีคนเสาะหาหลายประเภท
มีบางคนเสาะหาพระเยซูเจ้า อีกบางคนเสาะหาตัวเอง
มีบางคนเสาะหาพระองค์เพื่อผลพระโยชน์แอบแฝง อีกบางคนเสาะหาพระองค์เพื่อให้
พระองค์เป็นศูนย์กลางชีวิตและความเป็นอยู่ของตน
มีบางคนเสาะหาพระองค์เพียงเพื่อรู้ อีกบางคนเสาะหาพระองค์เพราะรู้สึกว่าไม่อาจ
จะดำเนินชีวิตดดยไม่มีพระองค์ได้เลย
มีบางคนเสาะหาพระองค์เพื่อร่วมชีวิตกับพระองค์ อีกบางคนเสาะหาพระองค์เพื่อจะใช้
พระองค์เพื่อผลประโยชน์แบบประเภทหากินกับศาสนา หรือประเภทยามสบายดีมีสุขมั่งคั่ง พระเจ้าเป็นแค่ส่วนเกินแต่พอทุกข์ได้ยาก็ลนลานเข้าวัดจุดเทียนบนบานทุกแท่นไม่เว้นแม้รูปปั้น
ในสวนวัด
เมื่อทรงเห็นประชาชนเสาะหาและคิดจะเหนี่ยวรั้งพระองค์ไว้ พระเยซูเจ้าก็ทรงเสนอ
อาหารสองประเภทให้พวกเขาเลือก
อาหารที่จะต้องสูญสิ้นหมดไป
และอาหารที่จะคงอยู่ชั่วนิรันดร
คนที่จดจ่ออยู่กับอาหารที่เป็นวัตถุ ไม่อาจจะเลยขึ้นไปถึงอาหารที่คงอยู่นิรันดร์ได้เลย
ไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงสอนให้เรามองข้างความสำคัญของอาหาร ที่หล่อเลี้ยงร่างกายเราแต่ละวัน แต่ทรงสอนเราไม่ใช่หยุดและจดจ่ออยู่แค่นั้น พระองค์ตรัสสอนว่า "มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหาร
เพียงอย่างเดียว" (มัทธิว 4,4) และพระองค์เสด็จมาเพื่อประทานอย่างอื่นให้เรา อาหารอีกอย่างหนึ่ง... อาหารประเภทที่สอง
"เราคืออาหารทรงชีวิต ใครที่มาหาเราจะไม่หิวอีกต่อไปและใครที่เชื่อในเราจะไม่ต้องการกระหาย
อีกเลย"
พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้มาหาพระองค์... มารับอาหารที่จะคงอยู่นิรันดร
แต่เราไม่ได้ตอบรับคำเชิญของพระองค์ เพราะเราอิ่มหนำด้วยอาหารรสอร่อยปากอิ่มหนำด้วย
ทรัพย์สินเงินทอง อิ่นหนำด้วยเกียรติยศชื่อเสียง... อิ่มหนำด้วยตัวเรา
จนไม่รู้สึกหิวกระหายสิ่งที่สูงส่งไปกว่านั้น... อาหารฝ่ายจิตที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงให้เราได้
เพราะเหตุนี้เองเราคงต้องสวดขอบ่อยๆ ว่า
"พระเจ้าข้าโปรดช่วยให้ลูกหิว..."•
|