จนป่านนี้แล้วยังอ่านไม่หมด
แค่การ์ดแต่งงานแผ่นเดียวพิมพ์หน้าหลัง
หลากสีสัน หลากแบบตัวอักษร หลากภาษา
มองเผินๆ ก็คิดว่าเป็นการ์ดโฆษณาภาพยนตร์
มีทั้งชื่อดารานำทั้งชื่อผู้อำนวยการผลิตผู้ควบคุมการผลิต
พร้อมรูปถ่ายต่างอิริยาบถต่างชุดต่างฉากหลัง
แถมด้านล่างมีโลโก้สถาบันและบริษัทเรียงเป็นทิวแถว
เหมือนจะรับประกันคุณภาพและความสมหวัง
จะแปลกหน่อยก็ที่หน้าตาคนที่อยู่ในการ์ด
ไม่คุ้นในวงการภาพยนตร์
ไม่เคยเห็นในวงการนักร้อง
ไม่ต้องพูดถึงวงการแฟชั่นเดินแบบ
หรือจะเป็นการเปิดตัว...?

 กระทั่งกวาดสายไปอีกด้านของการ์ด
จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นการเปิดตัวจริงด้วย
เปิดตัวครอบครัวใหม่ที่ผูกใจกันตั้งขึ้น
พร้อมวันเวลาสถานที่ของงานมงคลสมรส
เริ่มที่โบสถ์เลี้ยงฉลองกันที่โรงแรม...ตามสูตร
แต่ก็ยังไม่วายฉีกแนวออกมาจนผิดสูตรทั่วไป
เริ่มตั้งแต่
“วัน” แต่งงาน
ซึ่งน่าจะเป็นวันสรุปเส้นทางสายยาวที่เดินกันมา
รู้จัก สนิทสนม ชื่นชม ชื่นชอบ รัก
ตั้งแต่
“พอรู้จักและรักเธอ ชีวิตฉันไม่เหมือนเดิม”
กระทั่ง “หากไม่มีเธอ ฉันคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
แต่นี่วันแต่งานถือเป็น “วันเริ่มแรก”
“เพราะทุกวัน...คือวันแรกที่รู้จักกัน”
อย่างที่เขียนยืนยันไว้เด่นในการ์ด
แถมด้วยประโยคตอกย้ำวันแต่งงาน
เป็น
“หนึ่งวันอัศจรรย์ของเรา...”
อัศจรรย์แห่งรักที่บันดาลได้ทุกอย่าง
สองคนต่างเพศต่างนิสัยใจคอต่างครอบครัวต่างพื้นเพ
ถูก
“รัก” หลอมให้กลายเป็นบุคคลเดียวกัน
“คุณ” กับ “ฉัน” เหลือแค่ “เรา” จริงๆ
สุขด้วยกันทุกข์ด้วยกันอนาคตเดียวกัน
อานุภาพแห่งรักซะอย่าง
ทำได้ทุกอย่าง...แม้กระทั่งอัศจรรย์
เพราะ
“ถึงไม่ใช่คนที่สุดดี...
แต่จะทำให้ดีที่สุด...”
คือความตั้งใจเด็ดเดี่ยว
เขียนไว้ด้านบนสุดของการ์ด
เหมือนจะบอกความมุ่งมั่นสัญญา
ในเมื่อไม่มีใครดีไปทั้งหมด
แต่ “ความพยายาม” ที่จะเป็นคนดีที่สุดมีได้ทุกคน
หากมีเป้าหมายชีวิตอยู่ที่ใครคนหนึ่ง
หากมีความรักสำหรับใครสักคน
เพราะรักอยากให้คนที่เรารักสมความคาดหวัง
เพราะรักอยากให้คนที่เรารักมีความสุข
เพราะรักอยากให้คนที่เรารักภาคภูมิใจ
ความพยายามจะทำให้ดีที่สุดจึงเป็นการบอกรักเป็นรูปธรรม...

วันนั้น นอกจากเปิดตัวผู้อำนวยการและผู้ควบคุมการผลิต         
ด้วยสำนึกในบุญคุณสำหรับการที่มีวันนี้แล้ว
ยังเป็นการประกาศว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ดารานำทั้งชายและหญิงจะเพิ่มบทบาทตนเอง
เป็นทั้งตัวเอกเป็นทั้งผู้อำนวยการและผู้ควบคุมการผลิต
“ธรีอินวัน”  ในภาพยนตร์ชีวิตเรื่อง “ครอบครัวเรา”
จึงชวนเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาเป็นสักขีพยาน
“สัญญานะว่าจะมาร่วมความทรงจำเดียวกัน” •

               

               

 



-TOP-