ดีที่มีการเปลี่ยนแปลง
ในท่าทีสมัยก่อนกับท่าทีสมัยนี้
ก่อนนี้เมื่อพูดคุยกับผู้ใหญ่
เด็กต้องนั่งต้องคุกเข่าต้องยืนเรียบร้อย
แหงนหน้ามองและฟังผู้ใหญ่พูดผู้ใหญ่สอน
แล้วต้องรีบหลบสายตาลงมองพื้น
เจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนอยู่ต่อหน้าของสูง
ให้เกียรติยกย่องในความแตกต่างเหนือวัยเหนือชั้น
น้อมรับโดยดุษฎีคำสั่งคำสอนคำว่าคำเตือน
“ผู้ใหญ่ถูกเสมอ”
คือกฎเหล็กข้อแรก
จะชี้แจงจะแก้ตัวจะออกความคิดเห็นต้องรออนุญาต
หากผู้ใหญ่ไม่ไถ่ถามถือว่าได้ข้อสรุป
“เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด”
คือกฎเหล็กข้อสอง
ถ้ามีข้อสงสัยหรือความคิดเห็นขัดแย้งลึกๆ
ไม่พึงแสดงออกแม้ด้วยสีหน้าท่าทาง
“ทำตามไปก่อน แล้วจะเข้าใจเอง”
คือกฎเหล็กข้อสาม
การสื่อสารทุกรูปแบบมีแต่จากบนลงล่าง...

สมัยนี้ผู้ใหญ่พูดคุยกับเด็กน้อย
เด็กยืนและผู้ใหญ่คุกเข่า   
ความสูงใบหน้าระดับเดียวกัน
จะเช็ดหน้าหวีผมก็ไม่ลำบาก
จะโอบกอดก็ช่างง่าย
จะพูดจะคุยไม่ต้องขึ้นเสียง
ตาประสานจดจ้องมองทะลุใจ
ช่องว่างระหว่างวัยแทบไม่รู้สึก
เส้นทางการสื่อสารมีทั้งไปและกลับ
การเรียนรู้และเข้าใจกันก็ตามมา
ผู้ใหญ่รับรู้ความคิดความเห็นของเด็กตามวัยตามทักษะ
เด็กรู้เด็กเห็น เพียงแต่ไม่พูด
เด็กฟังเด็กสังเกต เพียงแต่แสดงออก
พอเปิดโอกาสให้พูดให้แสดงออก
หลายอย่างที่พรั่งพรูออกมาผู้ใหญ่ฟังแล้วต้องสะอึก
อย่างที่เอแบคโพลล์เสนอให้เห็นเป็นรูปธรรม
“เด็กๆ คิดอย่างไรต่อผู้ใหญ่ในวันนี้”
วันเด็กปี2548 ถ้าขอได้อยากได้อะไร
ความรักความเข้าใจความอบอุ่นในครอบครัว
พ่อกับแม่เลิกทะเลาะกัน คืนดีกัน อยู่ด้วยกัน
พ่อ/แม่เลิกเหล้าเหล้าเลิกบุหรี่
พ่อหรือแม่ไปรับส่งที่โรงเรียน
ความเห็นต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในทุกวันนี้
ใจร้อน เร่งรีบ เอาแต่ใจตัวเอง
ชอบใช้ความรุนแรง ดุดัน ด่าว่า
พูดมาก ชอบโออวด ชอบดูหนังโป๊...

ผู้ใหญ่มักคิดว่ามีหน้าที่อบรมเด็ก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ผู้ใหญ่อบรมเด็ก เด็กอบรมผู้ใหญ่
เพราะในทุกความสัมพันธ์
มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและกัน
หากเปิดคำ “อบรม” ให้กว้างกว่าที่เคยยึดถือกันมา
คนเราต่างก็อบรมกันต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
ทั้งเสริมเติมจากเชิงบวกทั้งเรียนรู้จากเชิงลบ
จบสิ้นการอบรมเมื่อไร
ชีวิตก็จบการพัฒนาเมื่อนั้น... แม้ยังหายใจเข้าออกอยู่ •

 



-TOP-