“ถึงที่สุดแล้ว.. . เราคงต้องเป็นเพื่อนกัน...”
เสียงเขาออกจะสั่นเครือตามด้วยถอนหายใจลึก
ช่างต่างไปจากที่เคยคุ้นเคยกันมาหลายปี
จากแววตาสดใสใบหน้ามากด้วยบารมี
กลายเป็นเซื่องซึมแฝงไว้ซึ่งความเศร้าลึก
พูดไปเช็ดน้ำตาไปอย่างสุดกลั้นแม้จะพยายามอย่างหนัก
“...เธอยืนกรานจะขอหย่าให้ได้ทั้งที่แต่งงานกันมายี่สิบปี”
เสียงชะงักกลางคันจากความพยายามกล้ำกลืนสิ่งที่อยากระบายออก
ไม่ต่างกับเด็กต้องออกแรงฝืนใจกลืนยาขมตามคำสั่งหมอ
“การพูดจาน้อยลงและทุกครั้งจะพูดกันมีแต่เรียกร้องให้หย่า...”
อาการส่ายหน้าบ่งบอกความรู้สึกขมขื่นไม่อยากเชื่อ
“มีแค่เหตุผลเดียว...เราเข้ากันไม่ได้”
เป็นใครก็ต้องรู้สึกเหมือนกันหลังจากอยู่กันมายี่สิบปี
ยี่สิบปีที่รักกันมาสร้างครอบครัวสร้างฐานะสร้างความมั่นคง                  
ยิ่งไปกว่านั้นมีลูกสองคนที่เป็นโซ่ทองผูกรักกันมาขนาดนี้
แล้วจู่ ๆ ก็พูดว่าเราเข้ากันไม่ได้เราอยู่ด้วยกันต่อไปไม่ได้แล้ว
“ผมเองพอทำใจได้แม้จะยากแสนยากแต่สงสารลูก...”
บ่งบอกชัดเจนสัญชาตญาณแห่งการเป็นพ่อคน
ความรักพ่อความรักแม่หลอมหล่อลูกแต่ละคนขึ้นมา
ยังไม่พอต้องคอยหล่อเลี้ยงเติมเต็มให้ชีวิตลูกแต่ละคน
แล้วอยู่ ๆ ความรักนั้นมีอันต้องจบสิ้นลงกลางคัน
ไม่ต่างกับย้ายต้นไม้ในช่วงกำลังงอกงามลงรากให้มั่นคง
อย่างไร ๆ ก็ต้องรับผลกระทบจนต้องชะงักงันไปนาน
การเติบโตก็ไม่เป็นธรรมชาติเสี่ยงต้องแคะแกรนอย่างไรอย่างนั้น
ถึงอย่างไรก็ยังเป็นแค่ต้นไม้แต่นี่คนเป็น ๆ ...

“แม้บอกว่าเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน...ก็คงเป็นไปได้ยาก”
เขากลับมายืนกรานเหตุผลที่รับข้อเสนอไม่ได้
เป็นคำพูด “ต่อไปนี้เราเลิกรักกัน”  ให้ฟังแล้วดูดี
แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นตามนั้นได้ยาก
สองคนที่เป็นเพื่อนกันแล้วเปลี่ยนเป็นรักกันย่อมเป็นไปได้
แต่สองคนที่เคยรักกันแล้วเปลี่ยนเป็นเพื่อนกันนั้นยาก
ไม่ต่างกับการฝืนวิ่งรถสวนทางวันเวย์
เพราะโดยธรรมชาติเส้นทางแห่งความรู้สึกด้านความรัก
มักจะเริ่มจากรู้จักชื่นชมชื่นชอบเป็นเพื่อนแล้วจึงรักกัน
แต่จากรักย้อนรอยลงมาเป็นแค่คนรู้จักจึงไม่ต่างย้อนศร
ยิ่งคิดจากมุมมองลูกที่เคยเรียกสองคนเป็นพ่อเป็นแม่
อยู่ๆก็ต้องเรียกตนเองเป็นลูกของชายหญิงที่เป็นแค่เพื่อนกัน
แม้แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่คงวางตัวได้ยากไม่น้อย
เป็นพ่อเป็นแม่ของลูกแต่เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
จะต้องตัดสินอนาคตลูกจะออกความคิดเห็นเรื่องลูกที
“นี่เพื่อน เราจะวางแผนอย่างไรให้ลูกเราดี...”...

ความเป็นพ่อเป็นแม่ไม่สิ้นสุดลงเมื่อลูกโตแล้ว
“หน้าที่” ของพ่อแม่อาจจะใช่แต่ “บทบาท” ของพ่อแม่ไม่
เพราะบทบาทของพ่อแม่ต้องมีต่อไปตราบใดที่ลูกยังเป็นลูก
ถึงจะโตแค่ไหนถึงจะอายุมากเท่าไรลูกยังเป็นลูกพ่อลูกแม่
แค่สองคนมาตกลงกันเองว่าจะเปลี่ยนมาเป็นแค่เพื่อนกัน
ก็คงไม่ยุติธรรมสำหรับลูกที่ไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นเหตุ
แค่แจ้งให้ลูกรู้ถึงปัญหาถึงทางออกที่วางแผนไว้
ก็คงไม่ชอบธรรมสำหรับลูกที่ไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็น
หรือจะถือว่าตอนจะให้ลูกเกิดมาไม่เคยต้องถามความสมัครใจลูก
ตอนจะเลิกเป็นพ่อเป็นแม่คงไม่ต้องถามลูกมั้ง...ยุติธรรมแล้วหรือ •

 

 


 

 

 



-TOP-