
ยอมรับว่าชีวิตทุกวันนี้เครียด
หนักเข้าก็เลยหมดความสงบใจ
จะว่าวิถีชีวิตยุคนี้ซับซ้อนยุ่งเหยิงจนวุ่นวาย
ก็คงไม่ใช่
เพราะทุกยุคมีรูปแบบชีวิตที่เป็นครรลองของมัน
จะว่าความเจริญทำให้ชีวิตหมดความสงบ
ก็คงไม่ถูก
เพราะทุกยุคต่างก็มีความเจริญของมัน
จะว่าสภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้ผ่อนคลาย
ก็ไม่เชิง
เพราะเปลี่ยนที่เปลี่ยนทางแล้วก็ยังเหมือนเดิม
จะว่านิสัยคนรอบข้างที่สร้างความขัดแย้งให้
ก็คงไม่ทุกคน
ยิ่งสมัยนี้ที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่อยากยุ่งกับใคร
จนแล้วจนรอด ใจยังรู้สึกเครียดลึก ๆ ได้ทุกวัน
ที่สุดคงต้องมาลงที่ตัวแบ่งแยกภายนอกและภายในคน
ความหนาของผิวพรรณของคนนั้นไม่มาก
เพียงแค่รอยขีดข่วนเล็กน้อย ก็เข้าถึงเนื้อด้านในแล้ว
ดูน่าจะใกล้ชิดติดกันจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียว
แต่แล้วบางครั้งก็ห่างไกลกันเกินกว่าจะหยั่งวัดได้
บางครั้งกายสบาย ใจเป็นสุข
อีกบางครั้งกายเจ็บปวด ใจเป็นทุกข์
แต่ก็ไม่น้อยครั้ง กายสบาย ใจกลับปั่นป่วน ระทม
อยู่บ้านหลังใหญ่มีพร้อมทุกสิ่ง แต่ใจว้าเหว่หมองเศร้า
อีกบางครั้งก็ทุกข์กาย สบายใจไร้กังวล
หรือไม่ก็หิวโซ แต่อิ่มอกอิ่มใจ
บางครั้งสัมพันธ์สมพงษ์กัน บางครั้งก็ขัดแย้งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การเลือกจึงเป็นตัวแปรที่สำคัญยิ่ง
จะเน้นอะไร กายหรือใจ
หากเน้นกายภายนอกใจก็มีความสำคัญน้อยลง
จะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้สุขกายสบายตัวไว้ก่อน
และหากเน้นใจก็คงต้องมองข้ามความสำคัญกายและสิ่งแวดล้อมไป
อย่างไรเสียขอให้ใจสบาย ใจเป็นสุข ใจสงบ ใจมีสันติ
การลืมและการให้อภัยคือเคล็ดลับ
ใจที่ฝังติดกับความทรงจำที่ไม่ดีไม่งาม ยากจะมีสุข
ใจที่หมกมุ่นกับอดีตที่น่าเศร้า ยากจะเบิกบาน
ใจที่คุกรุ่นกับเหตุการณ์เลวร้าย รุมเร้าด้วยความเคียดแค้นพยาบาท ยากจะสงบสุข
ใจที่ยึดติดกับความผิดที่ผ่านมา ยากที่จะให้อภัย
ตราบใดที่ยังมองว่าคนอื่นผิดฝ่ายเดียว การอภัยก็ยากขึ้น
เพราะจะเห็นคนอื่นเป็นผู้ร้าย และตนเป็นแค่เหยื่อน่าสงสาร
ตราบใดที่ยังยึดติดกับความผิดที่ตนทำ การอภัยผู้อื่นก็เกือบเป็นไปไม่ได้
เพราะแม้ตัวเองยังให้อภัยไม่ได้ คนอื่นก็หมดสิทธิ์โดยปริยาย
ความขัดแย้งทั้งหลายจึงเกิดขึ้น
ความเครียดลึกๆก็ตามมา
อย่างเลี่ยงไม่ได้
เทศกาลมหาพรตน่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งการลืมและการให้อภัย
การคืนดีกับตนเองและเพื่อนพี่น้องคือที่มาของความเป็นหนึ่งเดียว
ความเป็นหนึ่งเดียวคือความสุข ความสงบ ความลงตัว
สี่สิบวันต่อปี ถ้าเข้มข้น จริงจัง
ก็น่าจะส่งผลคุ้มค่า •