" ผมกับแฟนเริ่มนับหนึ่งด้วยกัน...ทำทุกอย่างด้วยรัก
ด้วยอดทนด้วยมุ่งมั่น...จนทุกวันนี้เรามีทุกอย่างด้วยหยาด
เหงื่อแรงกายของเราเอง"

 

       “เตี่ยผม ไม่ได้ทิ้งอะไรให้ลูกๆ เลย” หนุ่มหน้าตาดี สีหน้าบ่งบอกความจริงจังกับชีวิตพูดเชิงแนะนำตัว
       “เมื่อมีลูกชายคนแรก ผมและภรรยาจึงตั้งใจแน่วแน่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา”
        ความมุ่งมั่นที่แฝงมาในคำพูด ชี้บอกปรัชญาชีวิตแห่งการเป็นหัวหน้าครอบครัวน้อยๆ
        บอกให้รู้ว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกลิขิตชีวิตตนเองได้
        บางคนโชคดี คุณพ่อคุณแม่เตรียมพร้อมให้ทุกอย่าง
        เพียงแต่สานต่อให้ดี  ชีวิตก็สำเร็จสมหวัง
         อีกบางคนต้องห้าสิบห้าสิบ
        ต้องออกแรงออกกำลังสร้างขึ้นมากับคุณพ่อคุณแม่ จนเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ
        และอีกหลายคน ต้องนับหนึ่งด้วยลำแข้งลำขา
        คุณพ่อคุณแม่ให้มือให้เท้า  ให้การศึกษาตามอัตภาพ...
        กว่าจะตั้งหลักตั้งฐานได้  ก็แทบจะไม่ได้ชื่นชอบกับมัน
        เพียงแค่มีเวลา มีลมหายใจ พอจะส่งต่อให้ลูก...
         “เตี่ยของแฟนผมเขารักแต่ลูกชาย มีอะไรยกให้เป็นมรดกหมด” เขาเล่าต่อ น้ำเสียงสะดุด เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
        “แถมยังสั่งให้ลูกสาวลงชื่อยืนยันเจตนารมณ์ของเตี่ยว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากเตี่ย...ไม่ว่าจะเป็นอะไร เพื่อให้พี่ชายทั้งสามครอบครองทุกอย่างโดยสะดวก...”
        ความคิดว่าลูกชายมีค่ามากกว่าลูกสาวยังคงมีอยู่แม้กระทั่งในยุคที่สตรีมีบทบาทและคุณค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ชาย
        “แม่ของแฟนดีมาก หัวสมัยใหม่...รักลูกชายลูกสาวเท่ากันแม้จะต้องยกอำนาจสิทธิ์ขาดในการจัดแจงชีวิตลูกแต่ละคนไว้ในมือของเตี่ย...” ตาเขาเป็นประกายบอกความชื่นชอบ
        “แม้แต่การที่ผมกับแฟนรักกัน เตี่ยของแฟนก็ยังขัดขวาง เพราะเห็นผมมาจากครอบครัวไม่ร่ำรวยอะไรนัก...แต่แม่ของแฟนอีกนั่นแหละที่สนับสนุน ถือว่าถ้ารักกันจริงก็น่าจะแต่งกันไป” น้ำตาแห่งลูกผู้ชายปิ่มตาทั้งสอง บอกเป็นนัยว่าชีวิตต้องผ่านอะไรมาบ้าง

        “ผมกับแฟนเริ่มนับหนึ่งด้วยกัน...ทำทุกอย่างด้วยรัก ด้วยอดทน ด้วยมุ่งมั่น...จนทุกวันนี้ เรามีทุกอย่างด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของเราเอง”
ใบหน้าที่จริงจังแฝงไว้ซึ่งความเศร้าความน้อยเนื้อต่ำใจ ขณะย้อนรอยกลับสู่อดีตเจ็ดปีที่ผ่านมาเริ่มแจ่มใสร่าเริง
        ใครก็ตามที่มายืน ณ จุดนี้ได้ ก็คงต้องภาคภูมิใจเช่นเดียวกัน

        “แม้จะต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมาถึงขนาดนี้ ผมกับแฟนก็ยังให้ความเคารพนับถือ ให้ความรัก ให้ความเอาใจใส่เตี่ยของแฟนมาโดยตลอด” สีหน้าเขาลดความแจ่มใสไปอีกครั้งหนึ่งกับความคิดที่เขาพยายามจะสื่อออกมา

        “ทุกวันนี้เตี่ยของแฟนไม่สบาย แทนที่ลูกชายเตี่ยจะคอยรับใช้ดูแลปรนนิบัติ ก็เป็นผมกับแฟนอีกนั่นแหละที่ต้องทำทุกอย่าง...ซื้อของไปให้เตี่ยทาน ไปเยี่ยมเยียนและแม้กระทั่งอาบน้ำเช็ดตัวให้...ลูกชายของเตี่ยทุกคนรังเกียจไม่ยอมทำ ลูกเขยของเตี่ยจะทำให้หมด...ทำให้มากกว่าที่ทำกับเตี่ยกับแม่ผมเองด้วยซ้ำ”
เสียงเขาสะดุดอีกครั้ง ขณะพยายามกลืนสิ่งที่มาจุกคอให้ลงท้องไป

        
ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ ๆ ลูกที่พ่อแม่ทุ่มเทให้ทุกอย่าง หวังจะฝากผีฝากไข้ มักจะไม่ค่อยได้ฝากอย่างที่ตั้งใจ...กระทั่งเผาผีก็ยังไม่ยอมมากันเลย
       ส่วนลูกที่ไม่เคยอยู่ในสายตา  มักจะพึ่งพาได้แทบทุกอย่าง
       และนั่นคือที่มาของความทุกข์ความเจ็บปวดใจสำหรับพ่อแม่หลายคนในบั้นปลายชีวิต
       เจ็บปวดที่ลูกที่ตนเคยทุ่มเทความรัก ให้เป็นพิเศษ กลับเฉยเมยไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน  ไม่สนใจไยดี
       เจ็บปวดที่ตนเคยเลือกปฏิบัติ ให้ความรักลูกไม่เท่ากัน ละเลยเฉยเมยกับลูกบางคน
       และเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อลูกที่ไม่อยู่ในความโปรดปรานกลับเป็นลูกที่รักตนอย่างแท้จริง
       ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับการที่คนเราพยายามก่อกรรมทำเข็ญไว้กับใครบางคน  แต่เขากลับทำดีให้เราอย่างคงเส้นคงวา
         พลังความดีย่อมแข็งแกร่งกว่าพลังความชั่ว
       “ไม่ใช่ว่าเราจะทำเพื่อหวังจะได้อะไรจากเตี่ย  แต่ทำไปด้วยใจจริง แม้จะต้องลำบาก...ไหนจะเรื่องการค้าขาย  ไหนจะเรื่องลูกชาย ไหนจะเรื่องการพักผ่อน...ผมถือว่าอย่างไรเสีย  เตี่ยของแฟนก็มีพระคุณต่อผม ต่อครอบครัวของเรา...เพราะลูกสาวเตี่ยเป็นแม่ลูกชายผมนั่นเอง...”  เสียงเขาสะดุดอีกครั้ง
        “ผมเชื่อเสมอว่าทำดีแล้วต้องได้ดี...และผมกำลังสัมผัสอยู่ทุกวัน”
        เขาก้าวออกจากห้องไป แต่ทิ้งร่องรอยความดีไว้ในบรรยากาศห้องทำงานผม...บรรยากาศที่ผมซึมซับเข้าไปด้วยความสดชื่นจริง ๆ •

 


 

 



-TOP-