เมื่อเข้าสู่กระแสแห่งความรวดเร็วทันใจ
       " ความหุนหันพลันแล่น" ก็กลายเป็นนิสัย

       นยุคที่ความรวดเร็ว ทันใจ ถูกมองเป็นคุณภาพ
       อะไรก็ได้ที่เห็นผลทันตาถือว่าใช้ได้
       ไม่ว่าอาหารการกินประเภทจานด่วน
       บริการเงินสดเดี๋ยวนั้น
       ระบบการสื่อสารว่องไว
       หรือข้อมูลที่ใช้เวลาแค่ “คลิ๊ก”...

       ในสังคมรวดเร็วและเร่งด่วนเช่นนี้
       การต้อง “รอคอย” เกือบถือได้ว่าเป็นความเลวร้าย
       ยิ่งในยุคนี้ที่มีอะไรให้เลือกมากมาย
       สิ่งที่ต้องทำแต่ละวันก็ล้นมือ
       ก็ยิ่งต้องรีบเร่ง รวบรัด ให้เลือกและทำได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

       เลยทำให้ต้องมองข้ามคุณค่าหลายอย่างไปอย่างน่าเสียดาย
       คุณค่าแห่งการใช้เวลาอยู่ร่วมกันฉันพ่อแม่ลูก ฉันเพื่อน
       คุณค่าแห่งใช้เวลาเพื่อหยั่งเข้าถึงภายในแห่งตน
       คุณค่าแห่งการใช้เวลาเพื่อมิติด้านจิตใจ
       ซึ่งแต่ละคุณค่าล้วนก่อให้เกิดสติ ความหนักแน่น ความหมาย
      ที่ทำให้คนดำเนินชีวิตเยี่ยงมนุษย์
      มีความเป็นนายเหนือสถานการณ์
      บริหารอารมณ์ให้อยู่ในร่องในรอย
      เผชิญหน้าสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างด้วยใจสงบ
      มีลำดับคุณค่าถูกต้องในการเลือก
      รู้จักรอคอยเวลาที่เหมาะสม...

      เมื่อเข้าสู่กระแสแห่งความรวดเร็วทันใจ
       “ความหุนหันพลันแล่น” ก็กลายเป็นนิสัย
      การตัดสินจึงมักจะทำไปตามสถานการณ์และอารมณ์พาไป
      มากกว่าจะทำด้วยสติ
      เห็นแค่ทางออกเดี๋ยวนั้น
      เห็นแค่ประโยชน์ตรงนั้น
      เห็นแค่ความสนุกสนานเวลานั้น
       พอไม่ได้ดังใจก็ถือเป็นความล้มเหลว
      เกิดความเครียด ความโกรธ ความท้อแท้ ความน้อยใจ
      บ่อยเข้าก็กลายเป็นความซึมเศร้า
      หนักเข้าก็ตัดสินด้วยความหุนหันพลันแล่น
      คิดแค่เดี๋ยวนั้น
      ไม่สนใจว่าอะไรจะตามมา
      มองแค่เฉพาะหน้า
      ไม่คำนึงถึงที่มาที่ไป
       ไม่เสียดายแม้กระทั่งชีวิต...

      ในยุคที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูกเยี่ยงพระเดชพระคุณ
      พร้อมจะปรนเปรอให้ทุกอย่าง ทั้งที่ขอและไม่ได้เอ่ยปาก
      ไม่ยอมให้ต้องลำบากแม้ในเรื่องที่ควร
      ไม่ต้องให้รอคอยในเรื่องใด
      แทบจะอุ้มไม่ให้เท้าถูกดิน
      ตั้งแต่เล็กจนโตก็ยังไม่ยอมเลิก
      กลายเป็น “ลูกแหง่” ไปตลอดชาติ
       ความเปราะบางด้านอารมณ์จึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
      เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จนเหลือทน
      จนต้องตัดสินใจหุนหันพลันแล่น...

      ถึงเวลาแล้วหรือยัง
      ที่พ่อแม่หันมาถามตนเองว่ากำลังเลี้ยงดูลูกแบบไหน
      ที่จะไม่ทำให้ต้องมาโศกเศร้าเสียใจร้องไห้
      เพราะความหุนหันพลันแล่นของลูก? •

 

 



-TOP-