
แม้พยายามจะพูดถึงความรัก
แต่ทันทีที่พูดจบก็ให้รู้สึกว่ายังพูดได้ไม่หมด
ทิ้งให้เกิดความรู้สึกว่ารักต้องมีอะไรมากกว่านั้น
จะว่าเป็นเพราะขีดจำกัดของภาษาก็ใช่
เพราะความรักเป็นเรื่องของชีวิตและจิตใจ
ที่ไม่อาจจะใช้คำพูดคำจาล้อมกรอบไว้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นความรักเป็นพลังเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง
ซึ่งจะหยิบยกเพียงช่วงหนึ่งมาสาธยาย
ก็จะได้แค่ส่วนน้อยนิดขององค์รวมทั้งหมด
เพราะความรักเป็นดังบทเพลงบรรเลงหวานซึ้ง
แต่ละช่วงทำนองประกอบขึ้นด้วยตัวโน้ตเสียงสูงเสียงต่ำ
ที่ร้อยเรียงส่งเสียงรับกันอย่างคล้องจองและกลมกลืน
ส่งทอดจินตนาการจากโน้ตตัวหนึ่งต่อไปยังโน้ตอีกตัวหนึ่ง
จนกลายเป็นการไหลลื่นแห่งทำนองไปตามจังหวะ
ยากจะแยกแยะชี้บอกตัวไหนเป็นตัวไหน
หากคิดจะหยิบยกโน้ตตัวหนึ่งออกมา
เพื่อบรรยายถึงเพลงโดนใจบทนั้น
นอกจากจะไม่สามารถพรรณาทำนองเพลงได้ทั้งหมดแล้ว
ยังทำให้อารมณ์แห่งเพลงต้องสะดุด หยุดชะงัก
จนความรู้สึกต้องค้างเติ่ง น่าหงุดหงิดใจ...
ในเวลาเดียวกันก็บ่งบอกถึงธรรมชาติแห่งความรัก
ซึ่งหากเป็นศักยภาพที่แฝงด้วยพลังเคลื่อนไหวแล้ว
ความเป็นอิสระจึงเป็นเงื่อนไขเพื่อเป็นรักแท้
อิสระที่จะเลือกได้ตามการชี้นำแห่งใจ
จนกลายเป็นท่าทีและความรู้สึก...จะรักก็ได้ ไม่รักก็ได้
เพราะเพียงแค่พยายามจะบังคับให้รัก
ทำนองแห่งรักก็มีอันต้องหยุดลงกลางคัน
และหากยังยืนกรานสร้างแรงกดดันทางกายหรือทางใจ
บทเพลงแห่งรักก็มีอันต้องเหลือแค่ต้นบทเริ่มกับตอนจบเท่านั้นเอง...
อิสระในการแสดงออกแห่งรัก
โดยไม่มีการเรียกร้องให้ทุกอย่างเหมือนเดิมไปตลอด
แต่สามารถสลับปรับเปลี่ยนไปตามการชี้นำของหัวใจ
สำหรับแต่ละช่วงเวลา แต่ละสถานการณ์ แต่ละบริบท
ไหวพริ้วไปตามจังหวะแห่งชีวิต
เพราะนั่นคือทำนองและท่วงทีแห่งบทเพลงรัก
ที่เดี๋ยวก็เร่าร้อน เดี๋ยวก็สงบเยือกเย็น เดี๋ยวข้มเข้น เดี๋ยวราบเรียบ เดี๋ยวสูง เดี๋ยวต่ำ
ที่ไม่ยึดติดอยู่กับโน้ตตัวเดียวหรือจังหวะเดียวจนจำเจ
ไม่กำหนดเอาความรู้สึกแรกเมื่อเริ่มต้นรักเป็นหลักเป็นเกณฑ์
แต่เปิดใจให้ความรักพัฒนาและสุกงอมไปตามครรลองของมัน...
อิสระในการเปลี่ยนแปลงตามวัย
โดยไม่ยึดติดกับรูปร่าง หน้าตา
หรือถือว่าเป็นเงื่อนไขหลักแห่งรัก
ราวกับว่าความรักมีอันต้องน้อยลงหรือหมดไป
เพียงเพราะรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและสังขาร
เพราะนั่นอีกเหมือนกันคือครรลองแห่งเพลงรัก
การเปลี่ยนแปลงของโน้ตแต่ละตัวคือครรลองแห่งช่วงทำนอง
จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อให้บทเพลงไหลลื่นไปให้ถึงตอนจบ
ถึงตัวโน้ตจะเปลี่ยนไป แต่บทเพลงยังเป็นบทเดียวกัน
ถึงรูปร่างสังขารจะเปลี่ยนไป แต่ความรักยังคงเป็นรักหนึ่งรักเดียว...
อิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง
โดยไม่เรียกร้องให้เป็นอย่างที่ตนต้องการ
เพราะนั่นคือธรรมชาติแห่งรัก
รักอย่างที่ฉันเป็น รักอย่างที่คุณเป็น
เพราะนั่นคือธรรมชาติแห่งบทเพลงรัก
ทำนองที่ไพเราะเพราะพริ้งและกลมกลืนจะเกิดขึ้นได้
หากโน้ตแต่ละตัวเป็นอย่างที่มันเป็น
เพราะนั่นคือที่มาของความแตกต่างหลายหลากแห่งเอกภาพ
ที่ก่อให้เกิดความมั่งคั่งและเสริมสร้างกันและกัน
อันเป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งรักแท้...นั่นเอง •