ถึงจะมีการประกาศเลิกทาสมานับร้อยปี
ทั้งในระดับโลกและในระดับชาติ
แต่การค้าทาสก็ยังมีต่อเนื่อง
เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบไป...
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนยังด้อยพัฒนาบ้าง
เป็นการเสนองาน เสนอวิถีชีวิต ที่ดีกว่าให้ผู้ตกขอบสังคมบ้าง
เป็นการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมบ้าง
ซึ่งมองผิวเผินก็ดูน่าสรรเสริญน่ายกย่อง
แต่เมื่อมองไปถึงเจตนาและเป้าหมาย
คนก็ยังเป็นแค่ผลประโยชน์ ผลกำไร ตัวเงิน
เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้าง
คิดว่าเป็นความหวังดีจากพี่น้องร่วมโลก
เพราะความจำยอมบ้าง
ต่อหน้าความเป็นความตายเฉพาะหน้า
คงไม่มีตัวเลือกอื่น
เพราะความหวังบ้าง
เมื่อข้อเสนอที่ฟังดูดีจนยากจะปฏิเสธ
คงได้ลืมตาอ้าปากกับเขาสักที
ถึงจะเลือกเกิดไม่ได้ก็เถอะ...
ข้อมูลจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ยืนยันว่าแม้ในยุคแห่งอารยธรรมของเรานี้
การค้าทาสก็ยังไม่หมดสิ้นไป
มนุษย์ยังถูกตีค่าเสมือนวัตถุสินค้า
ศักดิ์ศรีมนุษย์ถูกเหยียบย่ำคนแล้วคนเล่า
เงินเหมุนเวียนในธุรกิจค้ามนุษย์กว่าสองแสนล้านบาท
ที่ได้มาจาก สินค้ามนุษย์ กว่าสองล้านห้าแสนคนทั่วโลก
เปลี่ยนมือไปเป็นกระบวนการ
จากระดับหมู่บ้านอำเภอจังหวัด
ไปสู่ระดับประเทศ ระดับทวีป ระดับโลก
ใช้เป็นแรงงาน ใช้เพื่อการบันเทิง ใช้บำบัดความใคร่
สนนราคาค่างวดลดหลั่นไปตามอายุ สังขาร รูปร่าง หน้าตา
หักค่านายหน้า หักค่าขนส่ง หักค่าด่าน หักค่าเจ้าหน้าที่
แบ่งสันปันส่วนกำไรกันทุกขั้นทุกตอน
จากที่เป็น มนุษย์ ก็ถูกมองเป็น สินค้า
ต่อรองราคาได้ไม่ต่างกับสิ่งของ
จากที่มี สิทธิ เท่าเทียมในความเป็นคนด้วยกัน
ก็ถูกตัดสิทธิ...หมดสิ้นแม้กระทั่งความเป็นตนเอง
ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของใครก็ได้ที่มีอำนาจมีเงิน
จากที่มี ศักดิ์ศรี เท่าเทียมในความเป็นมนุษย์
ก็ถูกปฏิบัติเหมือนไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
ความเจ็บปวด ความเหน็ดเหนื่อย ความหิวกระหาย
ความผูกพัน ความทุกข์ ความปวดร้าว ความขมขื่น ความอับอาย...
ถึงจะมีการพูด การประณาม การปราบปราม การต่อต้าน
กระบวนการค้ามนุษย์ยังคงดำเนินต่อไป
ตราบใดที่คนยังมองคนเป็นแค่ผลประโยชน์
ตราบใดที่คนยังเห็นคนเป็นแค่วัตถุ
ตราบใดที่คนยังไม่ยอมให้เกียรติกัน
ตราบใดที่คนยังไม่เข้าถึงศักดิ์ศรียิ่งใหญ่ของกันและกัน
มองจากแง่นี้แล้ว
กระบวนการค้ามนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวนัก
ดีไม่ดีก็ในครอบครัว ในที่ทำงาน ในสังคมเพื่อนฝูง
ที่กำลังดำเนินไปอย่างแยบยล
แถมไม่ผิดกฎหมายอีกต่างหาก •