กว่าจะจบสิ้นวิกฤติครั้งนี้
คงต้องใช้เวลาอีกนาน
ชาติบ้านเมืองต้องบอบช้ำอีกมาก
แต่หากจะรู้จักเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
ก็ยังไม่ถึงกับเสียหายโดยเปล่าประโยชน์

เปลี่ยนให้เป็นโอกาสของความสำนึก
สำนึกว่าประชาธิปไตยเป็นตัวฉันและเพื่อฉัน
ฉันจึงต้องรับผิดชอบเต็มๆ
เพื่อให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
ที่เคยลงคะแนนให้นักการเมือง
แล้วปล่อยให้ “เล่น” การเมืองแบบไร้จรรยาบรรณ
ปากว่า “ประชาธิปไตย” แต่ตาขยิบเป็น “ผลประโยชน์”
โดยที่ฉันได้แต่มองตาปริบๆ
แล้วก็แอบถอนหายใจปลงให้ตก
พร้อมกับแก้ตัว “ทำไงได้...”
ทั้งๆ ที่ฉันเป็นเจ้าของประเทศ
มีสิทธิ์มีเสียงกำหนดทิศทางการบริหารชาติ
แต่เผลอไผลยกสิทธิยกเสียงให้คนอื่นทุกครั้งไป
ปล่อยให้คนปล้นชาติซ้ำซาก

เปลี่ยนให้เป็นโอกาสของการเรียนรู้
เพราะหากประชาชนในชาติขาดความรอบรู้การบ้านการเมือง
รู้กว้าง รู้ลึก รู้ทัน รู้จริง
รู้ในสิทธิ รู้ในหน้าที่ รู้ในบทบาท
ก็จะถูกนักการเมืองไร้จรรยาบรรณชักจูงให้เชื่อได้ง่ายๆ           
แค่คำหอมหว่านล้อม ชักนำ สัญญา สาบาน
ก็มั่นอกมั่นใจว่าใช่เลย
ไม่คิดจะไตร่ตรองตรวจสอบภูมิหลัง
หรือแม้จะเปรียบเทียบกับผู้สมัครอื่น
แค่ได้ยิน “ผมคนของพี่น้องเต็มร้อย”
ก็เทใจให้ประสาคนใจดีใจง่ายใจสงสาร
เลือกตั้งกี่ครั้งก็กาให้ทุกครั้งด้วยรู้สึกผูกพัน
แล้วก็ฝันหวาน หวังผลงาน การพัฒนา งบประมาณ
ถึงจะไม่เห็นหน้าค่าตาเหมือนเมื่อตอนหาเสียง
แต่ก็พร้อมแก้ตัวให้ได้เสมอ
ท่านคงใช้เวลากับการพัฒนาบ้านเมือง
จนแทบจะไม่มีเวลาแม้สำหรับเรื่องส่วนตัว
พอผู้แทนตกเป็นข่าว เป็นเรื่องเป็นราว
ก็พร้อมยืนหยัดเข้าข้างไม่ต่างกับญาติ
ต่อว่าด่ากราดฝ่ายตรงข้ามแบบไม่เลี้ยง
คนตั้งใจจะรับใช้ชาติบ้านเมือง
ยังมาอิจฉาตาร้อน กีดกัน  โจมตี ให้ท้อแท้
พร้อมกับส่งกำลังใจให้เต็มร้อย
คิดให้เสร็จสรรพว่าใครทำดีก็ต้องมีอุปสรรค
ส่วนพวกเอาแต่งอมืองอเท้านี่สิราบรื่น...

เปลี่ยนให้เป็นโอกาสของความรักชาติ
รู้จักมองเลยผลประโยชน์ส่วนตน
เอาความอยู่รอดความเจริญพัฒนาของชาติเป็นที่ตั้ง
ไม่เที่ยวโยนภาระให้รัฐบาล
ถือว่าธุระไม่ใช่
วันๆ ก็หมกมุ่นกับปากท้องของตนเป็นหลัก
พอชาติเกิดปัญหา มีความยุ่งยาก เกิดวิกฤติ
ก็เที่ยวโทษเที่ยวด่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้
แต่ก็ไม่เคยออกมาพ้นประตู พ้นรั้วบ้าน
ปากบอกรักชาติ แต่ใจยังไงก็ยังรักตัวมากกว่าอยู่ดี •

 



-TOP-