ขียนทีไร  ต้องโยงไปถึงการขับรถทุกที
       ทำไงได้  ก็ทุกวันนี้  เห็นแต่พูดเรื่องของรถที่เพิ่มจำนวนขึ้นและช่องทางเดินรถที่แคบไปทุกวันพร้อมทั้งความพยายามที่จะหาทางทำอย่างไรจึงจะให้รถจำนวนมากลงไปวิ่งในเส้นทางแคบๆ ได้โดยไม่ต้องเฉี่ยวหรือชนกัน
       เปิดหนังสือพิมพ์ก็มีแต่ข่าวโครงการแก้ปัญหาจราจร  เปิดโทรทัศน์ก็เห็นออกมาเสนอแนวจัดโครงการเดินรถสาธารณะ  ฟังวิทยุก็มีแต่การรายงานเส้นทางไหนควรจะเลี่ยงหากอยากจะไปให้ถึงบ้าน...
       แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คิดถึงเรื่องรถเรื่องถนนได้อย่างไร
       ขับรถ  นอกจากจะฟังวิทยุเป็นเพื่อนแล้ว  ยังใช้สายตาอ่านโน่นอ่านนี่ไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะที่มีเขียนติดอยู่ท้ายรถคันข้างหน้า
       มือใหม่หัดขับ...ลูกชายคนโปรด...รักแท้มีหนึ่งเดียว  แต่โรเนียวได้หลายครั้ง...
ข้อความธรรมดาๆ เขียนติดไว้เพียงเพื่อมีอะไรติด  แต่หลายครั้งก็เจอข้อความน่าอ่านน่าคิด  ไม่น้อยครั้งก็เจอข้อความกินใจเลยตั้งใจอ่านและจดจำไว้เป็นอาหารสมอง
       จนกลายเป็นนิสัย  ขับรถไปตาก็หาอ่านอะไรที่เขียนท้ายรถคันหน้าไป
       วันหนึ่ง  ขับตามรถบรรทุก  และเหลือบไปเห็นข้อความเขียนตัวเล็กๆ ไว้ที่กระบะท้าย  จึงเร่งความเร็วให้ทันตามการเรียกร้องของความมักรู้มักเห็น
       พอเข้าไปถึงระยะพอจะอ่านออกก็เห็นข้อความ “กูว่าแล้วมึงต้องอ่าน”

       แม้จะต้องหน้าแตกและผิดหวังเป็นบางครั้งแต่ก็คุ้มค่ากับความพยายาม  เพราะมีอะไรอ่าน มีอะไรคิด  ดีกว่าจะต้องมากลุ้มกับรถติด  อย่างประโยคติดท้ายรถคันหนึ่ง
       “สังคมเลว  เพราะคนดีท้อแท้”
       ตอนแรกที่อ่าน ก็คิดจะแก้ต่าง  “สังคมเลวเพราะมีคนไม่ดีเยอะต่างหาก”
       แต่คิดอีกที มันก็จริงอย่างที่เขียนไว้
       คนชอบมองสังคมเป็นเรื่องของคนอื่นมากกว่าของตน
       และหากตนไม่ได้ก่อความชั่ว  สร้างความเลว  ก็ถือว่าหมดหน้าที่แล้ว
       พอเกิดความชั่วขึ้นก็โทษคนทำ  พอเกิดความเลวก็โทษคนก่อความเลว แต่น่าอยู่เพราะมีความดีความงามต่างหาก
       มองจากแง่นี้  คนดีน่าจะผนึกกำลังกันสร้างความดี  จนคนชั่วรู้สึกนอกที่นอกทาง
เหมือนบ้านไหนสะอาดสะอ้านจะทิ้งอะไรให้เลอะเทอะแม้แต่น้อยนิด  ก็ให้รู้สึกกระอักกระอ่วนจนทำไม่ลง
       แต่บ้านไหนสกปรก  จะเพิ่มความสกปรกขึ้นมาอีกนิดก็ไม่เห็นจะเป็นไร
       ที่ไหนมีการพูดจาไพเราะ  เรียบร้อย น่าฟัง จะพูดคำหยาบสักคำมันเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ขยะแขยง
       แต่ที่ไหนพูดจาสกปรก  หยาบคาย ลามกจกเปรต  จะพูดคำหยาบสักร้อยคำ  ก็ไม่มีใครรู้สึก
       ที่ไหนไม่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง การจะยักยอกสักสิบยี่สิบบาท ก็ให้รู้สึกระอายตนเอง
       แต่ที่ไหนมีการฉ้อโกงกินดะตั้งแต่ถนนยันสะพานลอย  อิฐหินดินทรายก็ไม่เว้น  การจะทุจริตยกผลประโยชน์ของรัฐให้ตนเองสักสิบล้านยี่สิบล้านก็ไม่รู้สึก  แถมยังพูดหน้าตาเฉยว่า เป็นเรื่องธรรมดา แบบเรื่องเด็กเส้นอย่างไรอย่างนั้น
       ทุกวันนี้  สังคมปล่อยให้คนชั่วเป็นตัวลิขิตชะตากรรมให้ราวกับว่าสังคมจะน่าอยู่หรือไม่น่าอยู่ขึ้นอยู่กับคนชั่วจะเมตตา
       หากคนชั่วไม่ทำชั่ว  ก็ถือว่าเป็นบุญไป  แต่หากคนชั่วก่อความเลวขึ้นมาก็ถือว่าเป็นกรรม
       จนวันหนึ่งๆ  คิดแต่จะให้รอดตัวมาได้อย่างเดียว...
       ขับรถออกจากบ้าน  หากไม่ถูกสิบล้อเมายาม้าขยี้ติดพวงมาลัยก็ดีแล้ว
       ลูกสาวออกจากบ้าน  กลับมาไม่ถูกข่มขืน  หรือหลอกไปขายก็หายห่วงได้แล้ว
       บ้านช่องไม่ถูกงัด  ถูกเผา ก็นอนตาหลับแล้ว
       ซื้อขายไม่ถูกเขาโกง  ไม่ถูกเขาหลอก  ก็ใช้ได้แล้ว
       ขึ้นรถเมล์ไม่ถูกเขาลวนลาม หรือล้วงกระเป๋า  หรือถูกเหวี่ยง
ลงไปวัดพื้นรถ  เพราะคนขับเคยใฝ่ฝันอยากจะขับรถแข่ง  ก็ถือว่าปลอดภัยแล้ว

       คงจะถึงเวลาแล้ว  ที่จริงมันน่าจะถึงเวลานานมาแล้ว  ที่จะต้องบอกตัวเองว่า
        สังคมน่าอยู่ได้ ขึ้นอยู่กับคนดีที่ช่วยกันลิขิต

 

 

 

 


 

  

 

 



-TOP-