านแล้วที่ผมไม่ได้จับคันเบ็ด  แม้จะชอบเป็นชีวิตจิตใจ  แต่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ไปตกปลาตามใจปรารถนา
       สำหรับผม  มันเป็นช่วงเวลาผ่อนคลายมากกว่าจะเป็นการเอาเป็นเอาตาย ต่างกับที่เพื่อน ๆ ผมเขาทำกัน จะเป็นการเอาเป็นเอาตาย  ต่างกับที่เพื่อน ๆ ผมเขาทำกัน จะไปตกปลาในแต่ละที ก็ต้องจับปลามาให้ได้
       ตั้งเป้าไว้เป็นมั่นเหมาะตั้งแต่เตรียมคันเบ็ดเตรียมเบ็ด  เตรียมเหยื่อ...  พอเริ่มตกปลา  ก็เริ่มเครียด... จะมีปลาหรือไม่มี  ปลาจะกินเหยื่อหรือไม่กิน  จะได้หรือไม่ได้  แล้วก็เริ่มหงุดหงิดเมื่อทุกอย่างเงียบเชียบลนลานย้ายที่ไปเรื่อย ๆ ปากก็บ่นว่าปลาบ้างดินฟ้าอากาศบ้าง  โชคชะตาบ้าง...
       แล้วก็เปลี่ยนเหยื่อปลอมหลากชนิด  ตั้งเป้าหมาย... จะเอาปลามาให้ได้ด้วยทุกวิธีการ  ถ้าได้ก็ถือเป็นชัยชนะ ถ้าอดก็เป็นความผิดหวัง  ความล้มเหลว...และแล้ว แทนที่จะเป็นการไปพักผ่อน กลับต้องเครียดกลับมา

       ความสุขของผมนั้น  เริ่มตั้งแต่เอาเหยื่อใส่เบ็ด... ไส้เดือนถ้าขุดได้  หรือไม่ก็เศษเนื้อหมูเฉือนเป็นชิ้นเล็กๆ มีตังค์หน่อยก็กุ้งฝอย
       แล้วก็หย่อนเบ็ดลงน้ำ นั่งมองดูทุ่นที่ลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่บนผิวน้ำที่สงบนิ่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับได้สัมผัสกับความสดชื่นของสายน้ำโดยมีสายเบ็ดเป็นตัวเชื่อมโยง
จิตใจเริ่มสงบนิ่ง ในขณะที่ความนึกคิดล่องลอยไปอย่างไร้พรมแดน จะหยุดชะงักครู่เมื่อทุ่นเริ่มขยับเขยื้อน  มีการกระตุกจากใต้คันเบ็ดรวดเร็วและเด็ดเดี่ยว
       ความเริงร่าแฝงออกมาทางรอยยิ้มกริ่ม  ขณะที่ปลาพยายามแหวกว่ายหนีด้วยความตกใจ  ลากสายเบ็ดให้ไกลออกไป
       เย่อกันไปเย่อกันมา ระหว่างพรานเบ็ดสมัครเล่นกับเหยื่อวารีตัวน้อยแล้วทุกอย่างก็สงบเงียบอีกครั้ง  เมื่อผมหย่อนเบ็ดพร้อมเหยื่อลงไปใหม่  แล้วก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป  ไปตามกระแสน้ำอ้อยอิ่ง
       มันเป็นช่วงเวลาที่ความคิดเป็นอิสระ  ไม่ถูกกำหนด   ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการชี้บอก... เป็นการพักผ่อนความคิด  ที่หาได้ยากยิ่ง อันที่จริงแล้ว  คนเรามักให้ความสำคัญแก่การพักผ่อนร่างกายด้วยการหยุดการกระทำ  และการเคลื่อนไหวต่างๆ แต่ไม่ค่อยคำนึงถึงการพักผ่อนความนึกคิดบ้าง
       สมองจึงต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา  ขณะที่ร่างกายหยุดพักผ่อน...นั่งดูโทรทัศน์  แต่ต้องคิดไปตามเรื่องราวที่สายตารับรู้ ...อ่านหนังสือ  ความคิดต้องทำงานไปตามเรื่องราวที่ผูกร้อยขึ้นมาด้วยตัวอักษร
       ...นั่งคุยกัน  ความคิดต้องโลดแล่นไปตามเนื้อหาที่ได้ฟังได้ยิน แล้วก็นึกว่าได้พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ทั้ง ๆ ที่สมองยังต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา
       คิดเพลินไปเรื่อยๆ ไม่เห็นทุ่นเคลื่อนไหวนาน ก็จะดึงเบ็ดขึ้นมาดูที  ถ้าเหลือแต่เบ็ด  เหยื่อหายไปก็ถือว่าเป็นการเลี้ยงปลา...กินบ้าง  ถูกกินบ้าง  ดูแฟร์ดี
       ถ้าเหยื่อยังอยู่  ก็แสดงว่าจืดชืดไร้กลิ่นคาวไปแล้ว ต้องเปลี่ยนเหยื่อใหม่ ถือว่าจะได้ปลามาทั้งทีต้องลงทุนให้เหยื่อสดดูน่ากินบ้าง
       ผมจึงไม่ชอบการใช้เหยื่อปลอม  เพราะมันบ่งบอกถึงการคิดจะได้อย่างเดียว นอกจากจะเป็นการหลอกแล้ว ยังไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งได้อะไรบ้าเลย...
       จริง ๆ แล้ว ถ้าคิดกันอีกที  เหยื่อปลอมไม่ใช้กันเฉพาะตกเบ็ดอย่างเดียว  แต่ใช้กันแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่ธุรกิจ  การเมือง ไปจนถึงการมีปฏิสัมพันธ์กันในทุกระดับ
       อย่างที่พูด ๆ กันว่า  เอาแต่ได้ ไม่คิดจะลงทุนบ้างหรือไง  ประเภทดูมีน้ำใจ ท่าทีเอื้อเฟื้อ มีมิตรไมตรี หวังดี ดูเป็นห่วงเป็นใย เอาอกเอาใจ... แต่ก็เป็นแค่เหยื่อปลอม  ล่อให้ตายใจ  แล้วก็ฉกฉวยผลประโยชน์ไปอย่างไร้เยื่อใย
       ต้องเสียทั้งตัว  เสียทั้งข้าวของเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศศักดิ์ศรี...โดยไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อยนิด
       ถ้าเป็นปลาที่หลงเหยื่อปลอมก็พอทำเนา  แต่คนยอมให้เหยื่อปลอมหลอกได้ นี่สิน่าคิด •

 

 



-TOP-