อยากให้เหมือนเดิม

บ.สันติสุข


 

       คุณพ่อที่เคารพรัก

       สามีจำนวนมากปฏิเสธที่จะแต่งงานกับคนเดิมถ้าเขาสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งได้แต่ไม่ใช่ลูกตลอดเวลาเกือบสามปีมานี้ลูกเฝ้าสวดภาวนาวอนขอต่อแม่พระให้ช่วยครอบครัวที่แตกแยกไปของลูกได้กลับคืนมาเป็นครอบครัวที่ดีและอยู่ในพระพรของพระดังเช่นครอบครัวที่อบอุ่นของผู้อื่น

       มีบางสิ่งที่ลูกไม่เข้าใจเกี่ยวกับว่าแต่งงานยังดีกว่าไปทรมานรับความเจ็บปวดในไฟนรกแต่ลูกคิดตามพ่อบ๊อบที่ว่าอยู่โสดดีกว่าแต่งงานกับใครซึ่งเป็นไฟนรกในตัวเองและผู้ซึ่งทำให้ชีวิตดูน่าทรมานจนกระทั่งไฟนรกอีกแห่งหนึ่งก็ดูเหมือนจะเปิดรออยู่อย่างที่ลูกพบและประสบมาแล้ว

       แต่ทุกวันนี้ลูกรับการบรรเทาใจด้วยการสวดภาวนาอ่านพระวรสารไปฟังมิสซาบ่อยๆและเป็นพลมารีเพื่อจะได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นๆได้บ้างแม้จะเล็กน้อยลูกก็ยอมทำเพื่อเป็นพลีกรรมลูกอยากให้คุณพ่อช่วยลูกด้วยลูกผิดไปแล้วลูกตีค่าความเข้มงวดในชีวิตแต่งงานอย่างไม่ตรงกับความเป็นจริงเดี๋ยวนี้ลูกยอมรับทุกอย่างตามความเป็นจริง


       เมื่อปี 29 ลูกได้หย่าขาดจากสามีซึ่งเป็นตำรวจและไม่ได้เป็นคริสตังเขาอ้างว่าเขารับราชการเป็นหลักฐานกว่าขอดูแลลูกโดยเขาฝากให้แม่เขาเลี้ยงลูกให้ลูกมีความทุกข์ทรมานใจมากที่ต้องจำใจจากลูกชายอันเป็นที่รักและเพราะความหุนหันพลันแล่นไม่คิดการณ์ให้รอบคอบของลูกแท้ๆคุณพ่อที่เคารพคะลูกไม่ทราบว่าจะมีใครช่วยเหลือลูกได้บ้างอย่างน้อยโดยทางคำภาวนาลูกขอขอบพระคุณที่ลูกเขียนมารบกวนคุณพ่อเพราะเหตุว่าลูกได้อ่านนิตยสารดอนบอสโกเป็นประจำและได้รับความบรรเทาใจมากอีกทั้งมีกำลังใจขึ้นมากจากบทความต่างๆในนิตยสารของครอบครัวซาเลเซียนเรา


       ลูกชายของลูกกำลังจะขอเข้าเรียนขั้นป.1 ที่โรงเรียนคาทอลิกแห่งหนึ่งตอนแรกพ่อเขาไม่ยอมแต่ต่อมาด้วยการช่วยเหลือของพระมารดาผู้ปฏิสนธินิรมลที่ลูกวอนขอพ่อเขาจึงยินยอมรับปากจะส่งเสียให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนคาทอลิกเราลูกมีความยินดีและดีใจเป็นอย่างมากเพราะลูกชายของลูกได้รับศีลล้างบาปแต่เล็กๆนานมา 5 ปีจะได้มีโอกาสเรียนคำสอนและรู้อย่างแท้จริงถึงความรักของพระที่ทรงมีต่อเรามนุษย์ทั้งปวงโดยเฉพาะเราเหล่าคนบาป


       เรื่องที่ลูกอยากให้คุณพ่อช่วยก็คือลูกอยากจะได้คำแนะนำสำหรับการดำรงชีวิตแห่งการเป็นม่ายเยี่ยงคริสตชนที่ดีและลูกพอจะมีวิธีใดหรือไม่ที่จะชักนำอดีตสามีของลูกให้กลับมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับลูกได้อีกลูกรู้ว่าเป็นคำถามที่โง่เขลาแต่ลูกอยากได้คำตอบกฎของพระศาสนจักรต่อผู้รับศีลกล่าวแล้วจะหย่าขาดจากกันไม่ได้ใช่ไหมคะแม้ลูกและเขาจะหย่าขาดจากกันตามกฏหมายเมืองไทยลูกจะรอคำตอบในนิตยสารดอนบอสโกขอบพระคุณค่ะ

เทเรซาแอนนา

      
       อ่านจดหมายของคุณแล้ว พยายามจะเข้าใจในความ รู้สึกของคุณ อย่างน้อยก็ตามที่คุณเขียนออกมาเป็นอักษร
       แม้รู้อยู่แก่ใจว่า ความรู้สึกของคนเรานั้นลึกซึ้ง ลึกซึ้ง เกินกว่าที่อักษรจะบรรยายออกมาได้หมดสิ่งแรกที่อยากจะบอก คุณคือ เข้าใจถึงความรู้สึกของคุณ และเห็นใจในสิ่งที่คุณกำลัง ต้องรับทนอยู่ในเวลานี้
       และสิ่งแรกที่ทำได้และกำลังทำอยู่คือภาวนาเพื่อความประสงค์ของคุณ
       ท่านผู้อ่านก็คงให้ความเห็นใจ และร่วมภาวนาด้วยเป็น แน่แท้
       สิ่งของที่แตกร้าว ย่อมจะกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้

       แม้จะมีกาวสมัยใหม่ที่รับประกันว่า ติดแล้วแม้ช้างจะฉุดก็ไม่มี วันหลุดก็เถอะ ความรักที่แตกร้าวไปแล้ว จะกลับเหมือนเดิมไม่ได้เช่นกัน
       หรือแย่ไปกว่านั้นเพราะสิ่งของติดกันเข้าแล้วแม้ไม่เหมือนเดิมมันก็คงอยู่อย่างนั้นแต่ความรักซึ่งเป็นความรู้สึกเป็นชีวิต...นี่สิไม่มีวันจะกลับเหมือนเดิมเลย
       เหลือแค่สองอย่างให้เลือก หรือแตกหักไปเลย หรือรักให้มากกว่า  แต่จะให้เหมือนเดิมนั้น  ไม่มีหวัง
       สำหรับหลายคน เมื่อความรักเริ่มร้าว ความเหินห่างใจ ก็เพิ่มขึ้นแม้กายจะใกล้ชิดแค่เอื้อม
       ความขัดแย้งมีมากและบ่อยขึ้น เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่  สิ่งที่เคยทนได้กลายเป็นเรื่องเหลือทน
       แง่ดีในนิสัยใจคอดูจะมีน้อยลงไป ขณะที่แง่เสียยิ่งทียิ่งเด่นชัดขึ้นทุกที สิ่งที่เคยดูงดงามกลมกลืน ได้สัดได้ส่วน กลาย เป็นขัดหูขัดตาพิกล
       คนที่อยู่รอบข้างซึ่งแต่ก่อนไม่เคยแม้จะอยู่ในสายตา เริ่ม ดูเข้าทีมีเสน่ห์กว่าเป็นไหนๆ...
       การพูดคุยเริ่มวนอยู่แค่การงานการอาชีพ และดินฟ้าอากาศเสียมากกว่าความเป็นไปของกันและกัน
       งานก็ชักจะยุ่งๆต้องทำต่อกลับบ้านเร็วไม่ได้ประชุมมีบ่อย ขึ้นเรื่อยๆ
       อาหารทานที่บ้านจำเจ ไม่ถูกปาก มีแต่ของเดิมๆ ขณะที่อาหารบ้านคนอื่นอร่อยไปหมดแม้แค่พริกน้ำปลา
       ความรู้สึกต้องการจะปรึกษาหาความกับคนอื่นมีมากขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนนี้มีอะไรช่วยกันคิดช่วยกันแก้ได้มาตลอด คำชมไม่ค่อยจะมี  คำตำหนิวิพากษ์วิจารณ์เริ่มหนาหู...
       "นั่นมันเรื่องของเธอนี่มันเรื่องของฉัน"ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องของ"เรา" ในทุกอย่าง...
แล้วนั้นความว้าเหว่และความเหงาย่อมจะตามมา
       ความเหงาและความว้าเหว่เมื่อต้องอยู่คนเดียวยังพอจะทนได้แต่ความเหงาและความว้าเหว่ที่เกิดขึ้นในระหว่างสองคนที่ร่วม
       ชีวิตและอยู่ใกล้ชิดกันนี่สิแสนจะโหดร้าย...
       แย่ยิ่งกว่าแม่เหล็กขั้วเดียวกันเสียอีก
       ธรรมชาติของคนเราเรียกร้องความสัมพันธ์ใกล้ชิด ทว่าใจ ที่แตกร้าวมีแต่จะผลักไสให้ห่างไกลกันออกไป
       เหงาและว้าเหว่คนเดียว ดีกว่าต้องเหงาและว้าเหว่สองคนเป็นไหนๆ
       และนั่นคือที่มาของการหย่า  การแยก
       พร้อมกับคำชี้แจงสั้นๆและเย็นชา"เราไม่ได้ถูกสร้างมาให้อยู่ด้วยกัน..."
       และแม้ม่านประเพณี หลักศาสนา ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ตำแหน่งหน้าที่...จะบีบบังคับให้พยุงชีวิตแต่งงานไว้...แต่ก็ได้แค่ เพียงสองคน  ที่อยู่ด้วยกันแต่กายเท่านั้น
      
       แต่สำหรับอีกหลายคน เมื่อความรักแตกร้าว ต่างรีบใช้ กาวใจผนึกสานต่อ
        ...รีบสานต่อยิ่งเร็วยิ่งด
       เพราะการขัดแย้ง การเข้าใจผิด หรือการผิดใจเมื่อปล่อยให้ผ่านไปนานเท่าไร โอกาสที่จะประสานและกลับคืนเดิม ก็ยิ่งจะยากมากขึ้นยิ่งนานไปรอยร้าวยิ่งจะกว้างออกไปทุกที
       การใช้กาวใจก็คือความรัก...รักมากกว่าก่อน...รักยิ่งขึ้น
       ...เกิดความเข้าใจผิดขึ้น  เพิ่มความเข้าใจให้มากกว่า...
       ...เกิดความเย็นชาขึ้น  เอาอกเอาใจกันให้มากกว่า...
       ...คำพูดที่กัดกินใจหลุดปากออกไป ลบล้างด้วยคำอ่อนหวานจริงใจและหวานซึ้งมากกว่า...
       ...ความผิดเผลอพลั้งทำไป แก้ด้วยความดีที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า...
       ...เวลาที่งานขโมยไปจากครอบครัว ต้องชดเชยให้ความใกล้ชิดมากกว่า...
...อารมณ์โกรธพุพุ่งขึ้นมา ต้องกล้ารับผิดขอโทษ และพยายามบังคับใจให้มากขึ้น...เพิ่มความใกล้ชิดกันมากกว่า...เน้นแง่ดีของกันให้มากกว่า...พูดจากันให้มากขึ้น... เพิ่มอะไรให้พิเศษไปจากชีวิตประจำวันธรรมดาๆ...
       ไม่มีอะไรจะชดเชยความผิดต่อความรักได้ นอกจากจะรักให้มากกว่าก่อน
       เช่นนี้ ความผิด ความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด...แม้ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่ก็ช่วยกระชับและเพิ่มความรักให้มากขึ้นได้เหมือนกัน
      
       คุณถามว่า... ?พอจะมีวิธีใดหรือไม่ที่จะชักนำอดีตสามีของลูกให้กลับมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับลูกได้อีก?
       คิดว่ายังพอมี แม้จะยาก เพราะปล่อยให้เนิ่นนานมากแล้ว
       ลูก อาจจะเป็นตัวเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของพ่อแม่ได้หากทั้งพ่อและแม่รักลูกจริง
       ความสุขและความอบอุ่นของลูกอยู่ในการที่มีพ่อแม่ลูกอยู่ร่วมชีวิตกัน
       แม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกได้มากกว่า...แต่ลูกต้องการทั้งพ่อและแม่เพื่อเติบโต ทั้งทางร่างกาย
       และเหนืออื่นใดทางจิตใจ อย่างที่ลูกต้องการทั้งพ่อและแม่เพื่อเกิดมาลืมตาดูโลก
       พ่อแม่ที่รักลูกจริงจะให้ความสุขและความอบอุ่นอันนี้แก่ลูกทั้งคนไม่ได้เชียวหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกในวัยนี้?
       รักคือเสียสละ  อย่างที่เรามักพูดกัน  ซึ่งก็เป็นความจริง
       พ่อแม่จะรักลูก โดยยอมเสียสละ...ทิฐิ...ความชอบพอ...ความเห็นแก่ตัว...ความหยิ่ง...ใจตนเอง...จะไม่ได้เชียวหรือ?
       แต่ในส่วนตัวคุณแล้ว อยากจะถามคุณว่า คุณพร้อมแล้วที่จะรักให้มากขึ้นแล้วหรือยัง?  มากกว่าแต่ก่อน?
       ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะรักมากขึ้น ก็อย่าเพิ่งคิดจะร่วมชีวิตกันอีก
       เพราะอะไรที่เคยแตกร้าวไปแล้ว ย่อมจะเปราะบางมากกว่าแต่ก่อน อะไรนิดอะไรหน่อยเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้แตกร้าว ได้ง่ายๆ
       และการจะปะกาวติดเป็นครั้งที่สอง ที่สามแทบจะเป็นไปได้ยาก...ถ้าไม่ถึงขนาดเป็นไปไม่ได้

       ผมเคยอ่านพบในหนังสือเล่มหนึ่ง พูดถึงบัญญัติสิบประการของภรรยาคริสตัง มีหลายอย่างอาจจะยังใช้ได้ อีกบางอย่างอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว...แต่อย่างน้อยอยากให้คุณลองอ่านดู

       1.จงรักพระเจ้าเหนือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ แล้วนั้นจงรักสามี และเพื่อนบ้านสุดความสามารถของเธอ แต่จงจำไว้เสมอว่าบ้านเป็น ของสามีเธอไม่ใช่ของเพื่อนบ้าน
       2.จงถือว่าสามีของเธอเป็นแขกผู้มีเกียรติและ เป็นเพื่อน ที่ประเสริฐ เขาไม่ใช่เพื่อนหญิงที่เธอจะพูดคุยเรื่องไร้สาระน่า เบื่อหน่าย  เพื่อนหญิงแบบนี้ถ้าเลิกคบได้ก็จะดี
       3.จงเตรียมบ้านช่องให้สะอาดเรียบร้อย และใบหน้าที่ แจ่มใสคอยต้อนรับสามีเมื่อกลับมาบ้านแต่อย่าเพิ่งคิดน้อยใจ ถ้า เขาไม่ได้สังเกตเห็นทันที
       4.จงอย่าขอสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับบ้าน แต่ขอเพียงสิ่งที่ทำให้ บ้านสะดวกน่าอยู่  มีที่ทางสำหรับลูกๆวิ่งเล่นเดินเหิน
       5.จงดูแลลูกๆให้สะอาดสดชื่นอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ ตัวเธอ เพื่อว่าสามีเธอจะได้รู้สึกสดชื่นแจ่มใสเมื่อมองดูเธอและ ลูกๆ และเมื่อต้องอยู่ห่างไกลใจจะได้คิดถึง
       6.จงจำไว้ว่า เธอแต่งงานกับสามีเพื่อร่วมชีวิตกันทั้งยาม ทุกข์และยามสุข แม้คนอื่นจะทอดทิ้งเขาไปแต่เธอจะต้องเกาะมือ เขาไว้ให้แน่น  ยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
       7.ถ้าสามีของเธอยังมีแม่อยู่ จงจำไว้ว่า เธอจะรักและดี ต่อแม่สามีแค่ไหนก็ไม่มีวันเพียงพอ เพราะแม่ได้เลี้ยงดูสามีเธอ มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
       8.จงอย่าเรียกร้องอะไรจากชีวิตเกินกว่าที่ชีวิตจะให้ได้ ถ้า เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นประโยชน์เธอก็มีความสุขแล้ว
       9.ถ้าต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก จงอย่าท้อแท้หมดหวังความดีจะหวนกลับมา จงเชื่อในสามีเธอ เขาเข้มแข็งพอสำหรับ ทั้งสองคน
       10.ถ้าสามีไม่อยู่บ้าน จงรอคอยเขา ถ้าเขาไปนาน จงรอ คอยเขา ถ้าเขาทอดทิ้งเธอไป จงรอคอยเขากลับมา เพราะเธอ ไม่เป็นแค่ภรรยาเขาเท่านั้น แต่เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของเขาด้วย วันหนึ่งเขาจะกลับมา  และจะอวยพรเธอ

       เกี่ยวกับ คำแนะนำสำหรับการดำรงชีวิตแห่งการเป็นม่ายเยี่ยงคริสตชนที่ดี? นั้น คิดว่าเป็นสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั่นแหละ...
       การสวดภาวนาอ่านพระวรสารไปฟังมิสซาบ่อยๆและเป็นพลมารีเพื่อจะได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นๆได้บ้างแม้จะเล็กน้อย...
       ธรรมชาติดูจะสอนเราอย่างหนึ่ง ตาทั้งสองข้างของเรามีแต่มองออกไปนอกตัวเรา จะมองดูตัวเราที เราต้องมองออกไปที่กระจกเงาซึ่งสะท้อนตัวเรากลับมาให้เห็น...อวัยวะภายนอกอื่นๆก็เหมือน กัน หันเหออกไปจากตัวเราแทบทั้งนั้น นับตั้งแต่ปลายนิ้วเท้า
ขึ้นมา...คล้ายกับจะบอกเราว่า  เราเกิดมาเพื่อออกจากตนเอง
        ...คนเราทุกข์ใจ  เพราะเอาแต่หันเข้ามองตนเอง
        ...คนเรามีตัณหา  เพราะมุ่งเอาตัวเราเป็นใหญ่
        ...คนเราเห็นแก่ตัว เพราะตั้งตัวเราเป็นจุดศูนย์กลางของ ทุกสิ่ง
       ชีวิตมีค่า หากเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น...ยิ่งมากคน ก็ยิ่งมีค่า
       ตอนนี้แม้คุณยังเป็นประโยชน์แก่สามีและลูกไม่ได้ ก็จงสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิตคุณ ทำตัวเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น อย่างที่คุณกำลังทำอยู่  ให้มากยิ่งขึ้น ความดีจะกลับมาสนองคุณในที่สุด.

 



-TOP-