ของขวัญแห่งยุค

บ.สันติสุข

.....................................................

 

       ตั้งแต่เช้าที่คนแห่แหนไปที่นั่น
       บ้างเป็นกลุ่มใหญ่ มีหัวหน้าชูธงน้อยให้ทุกคนติดตาม
       บ้างเป็นกลุ่มเล็ก เดินเกือบจะเป็นเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน
       บ้างก็ไปกันแค่คนสองคน
       ต่างพูดต่างคุย หลายหลากภาษา แต่ทุกคนมุ่งไปที่นั่น…เป้าหมายปลายเดียวกัน
       แล้วทุกกลุ่มก็หยุด ยืนรอไป ทักทายต่างกลุ่มไป
       เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดดำมีสง่าชี้บอกให้ทุกคนจัดแถวเรียงหนึ่ง เพื่อผ่านรั้วเตี้ยๆ ที่ตั้งกันไว้  พลันก็มีเสียงตะโกน…หัวหน้าเรียกลูกทัวร์ เพื่อนเรียกเพื่อน…
       เบียดเสียดกันไม่ต่างกับวัยรุ่นรอเข้าคอนเสิร์ตซูเปอร์สตาร์
       ธงผืนน้อยที่โบกไปมาประกาศที่มาที่ไปของกลุ่ม
       ผ้าพันคอสีเหลืองพิมพ์รูปพิมพ์คำที่ผูกคออยู่บอกถึงจุดประสงค์ของกลุ่มได้อย่างชัดเจน
       บัตรสีเหลืองอ่อน สีน้ำเงิน สีแดง…บอกสัดส่วนที่จะเข้าไปอยู่ในงาน
       "แบ่งบัตรที่คุณมีให้คนไม่มีบ้างสิครับ…" ตำรวจพูดเสียงชัดเจน เมื่อเห็นหัวหน้ากลุ่มถือบัตรกำใหญ่ ในขณะที่บางคนยืนตาละห้อยไม่มีบัตรใดๆ ในมือทั้งสิ้น
       และนั่นคือโอกาสทองของลูกทัวร์กลุ่มน้อยจากเมืองไทย
       แค่บัตรที่ได้มาสองใบ…แปดคนผ่านประตูรั้วเข้าไปฉะลุย
       แล้วต้องมาต่อแถวยาวเพื่อผ่านเครื่องเอกซเรย์…ทั้งคนทั้งของ
       ผ่านด่านมาได้แล้ว ที่เหลือก็คงต้องเป็นเรื่องของความไว และไหวพริบ…ช่วงชิงที่นั่งที่ตั้งเรียงรายเป็นสัดส่วนเต็มลานพระมหาวิหารนักบุญเปโตร
       ที่คิดว่าเราเป็นพวกแรกก็ต้องหยุดคิดโดยพลันเมื่อมองไปที่ลานกว้าง        เห็นหัวผู้คนสลอนจนแทบไม่เห็นช่องว่าง…ตั้งแต่เช้ามืดแล้ว
       แดดเป็นใจอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่ฝนตกมาจนถึงเมื่อวาน
       "คงเป็นเพราะบารมีของท่านนักบุญใหม่แน่เลย…" คนหนึ่งพูด ทุกคนเห็นพ้องราวกับนัด
       เสียงนักขับดังทั่วลาน สร้างบรรยากาศวัดในลานโล่งขึ้นมาฉับพลัน
       ก็ทุกแห่งที่มีการสวด การร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ที่นั่นก็คือวัดคือโบสถ์นั่นแหละ
       ในเมื่อใจมนุษย์เป็นวิหารทรงชีวิตของพระเจ้า ทุกครั้งที่มีการสื่อใจออกมาก็บันดาลให้เกิดวิหารขึ้นในสถานที่นั่นเอง…บ้าน ที่ทำงาน ท้องนา ธรรมชาติ
       รูปขนาดใหญ่ของนักบุญใหม่…นักบุญแห่งพระเมตตา ตั้งเป็นตระหง่านอยู่บนเฉลียงกลางพระมหาวิหารนักบุญเปโตร ขนาบด้วยเสายักษ์สูงดูสง่า
       เสียงพระสันตะปาปา แม้จะสั่นเครือ แต่ก็ชัดถ้อยชัดคำ
       "นักบุญเฟาสตีนาคือของขวัญจากพระเจ้าสำหรับคนยุคนี้"
       เสียงปรบมือดังนานทั่วทั้งลานพระมหาวิหาร บอกถึงความตระหนักและชื่นชอบ
       ในยุคแห่งความหวาดกลัว ความไม่แน่นอน ความไม่มั่นใจ…ชีวิตและสารของนักบุญท่านนี้ช่วยดึงความหวังมาให้
คนทุกวันนี้อยากจะมีอะไรก็มีได้หมด แต่ยังหวาดวิตก
       เพียงแค่มีคนจิตไม่ว่างเที่ยวปล่อยข่าวว่าโลกจะดับในปีสองพัน แค่นั้นก็ระส่ำระสายหวาดหวั่นกันทั่วหน้า
       ไม่ต่างกับเด็กน้อยที่มือถือของจนเต็มทั้งสองข้าง แต่ก็ยังไม่วายร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร
       การพัฒนาและความก้าวหน้าทำให้มนุษย์ได้มาซึ่งทุกอย่างที่ต้องการ
       แต่ใจมนุษย์ก็ยังไม่วายที่จะหวาดหวั่น
       ดูจะแกร่งกล้า บ้าบิ่นได้ทุกเรื่อง  แต่ก็เปราะบางในความรู้สึกไม่มั่นคง ปลอดภัย…
       แม้พิธีกรรมจะกินเวลากว่าสามชั่วโมง  แต่ไม่มีใครในลานพระมหาวิหารมีท่าทีเหนื่อยหน่าย
       ทุกคนใจจดใจจ่ออิงกับบรรยากาศที่อบอวนด้วยความศรัทธาร้อนรน        ในขณะที่เสียงของพระสันตะปาปาดังกังวานในบทเทศน์ที่เร้าใจ
       "ลูกรัก จงบอกทุกคนว่าเราคือความรักและความเมตตาที่เป็นตัวเป็นตน"
       สารของพระเยซูเจ้า ผ่านทางท่านนักบุญใหม่ เพื่อความอบอุ่นมั่นใจของทุกคนและแต่ละคน
       และนี่คือสิ่งที่คนยุคนี้ต้องการมากกว่าหมด
       กว่าแสนคนที่รวมตัวกันเช้านั้นเปล่งเสียงกึกก้องสวดตามพระสันตะปาปาว่า "ข้าแต่พระเจ้า ลูกวางใจในพระองค์" หลายครั้งหลายครา
       ดังจะร่วมกันประกาศย้ำให้โลกได้หายหวาดกลัว…เพราะพระเจ้าทรงรักและเมตตาเรามากกว่าที่เราจะคาดคิดเสียอีก•

               

 

 



-TOP-