มาถึง เดือนกุมภาพันธ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว
       เดือนที่หลายคน จะว่าคนส่วนใหญ่ก็ได้ ยกให้เป็นเดือนแห่งความรัก
       ก็วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก
       ผมอยากจะพูดถึงความรัก อย่างที่ทำทุกปี
       แต่ปีนี้จนใจ
       ผมถามเพื่อนคนหนึ่ง ที่ดูท่าทางกำลังมีความรัก “ความรักหรือ? อือ...ความรักคืออะไรดีล่ะ?...”        นั่นเป็นคำตอบที่เป็นคำถาม ทั้งหมดที่ผมได้รับ
       ผมเข้าใจเพื่อนผมดี รักเป็น แต่จะพูดถึงความรักนั้นยาก ยากจริงๆ
       ผมจนใจ และเริ่มจะลังเลใจ... เขียนดีไม่ดี?
       จนกระทั่งผมพบผู้อาวุโส ทรงคุณวุฒิ เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์
อายุไขที่ปรากฎในรอยย่นบนใบหน้า และผมที่หงอกขาว น่าเคารพ บอกยืนยันให้ผมรู้ว่า คำตอบที่ผมกำลังเสาะอยู่นั้น กำลังรอท่าผมอยู่แล้ว
       “ความรัก?” ท่านถามผมด้วยเสียงเรียบๆ และต่ำ ราวกับดังกังวานขึ้นมาจากใจกลางโลก
       “ครับ ผมอยากจะให้ท่านบอกว่า รักคืออะไร” ผมยืนหยัดจะเอาคำตอบ
       “จะให้ฉันบอกคำจำกัดความของความรักนะซี” ท่านถามยิ้มๆ และหันมามองผม “การจะให้คำจำกัดความก็เป็นการลบล้างความรักเสียแล้ว เพราะเป็นการพยายามสร้างขอบจำกัดให้แก่ความรัก ทั้งๆที่ความรักเป็นสิ่งไม่มีขอบเขตจำกัด... เหมือนกับพยายามจำกัดฟากฟ้านภา ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
       “ถ้าอย่างนั้น การจะบอกว่ารักคืออะไร เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือครับ” ผมถาม เริ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
       “การจะบอกว่ารักประกอบด้วยอะไรบ้าง ยังง่ายกว่าไหน ” ผู้อาวุโสพูดเป็นเชิงปลอบใจผม “คนส่วนมากมักจะพูดว่า “ฉันรัก” แต่พอจะถามว่ารักคืออะไร ก็ตอบไม่ได้ บางคนก็พยายามจะหาคำตอบ...รักคือการคิดถึง รักคือการแคร์ รักคือการให้ รักคือการหวังดี รักคือการทน... แต่ทว่า ทั้งหมดที่บรรยายมานี้ ก็เป็นแค่องค์ประกอบ หรือการแสดงออกของความรักเท่านั้นเอง ยังหาชี้บอกแก่นสารของความรักไม่
       นั่นหมายความว่า ความรักไม่ใช่สิ่งที่มีไว้สำหรับพูด แต่สำหรับทำ สำหรับปฏิบัติ เพราะรักง่ายกว่าจะบอกว่ารักคืออะไร ตราบใดที่รักอยู่แค่คำพูดก็แสดงว่ายังไม่มีการรักเลย”
       “ถ้าเช่นนั้น เราไม่มีวันจะรู้ว่าความรักคืออะไรเลยสิครับ” ผมถาม
       “ไม่มีใครรู้หรอกว่ารักเป็นอะไร ถ้าไม่เริ่มรักเสียก่อน” ผู้อาวุโสพูดต่อ สายตาเหม่อมองไปข้างหน้า “ต่อเมื่อเริ่มรัก และทำตามที่ความรักชี้บอก เมื่อนั้นแหละจึงจะเริ่มรู้ว่า ความรักเป็นอะไร เช่นเดียวกัน ไม่มีใครจะรู้และบรรยายเส้นทางเดินได้  หากไม่ได้เริ่มเดินไปตามเส้นทางนั้นก่อน ต่อเมื่อเดินไปจึงค่อยเริ่มรู้ไป ผิดกันก็เพียงว่า เส้นทางยังรู้จักจบสิ้น มีปลายทาง แต่ความรักนั้น ไม่มีวันจบสิ้น ยิ่งรักก็ยิ่งเห็นว่ามีอะไรยังต้องรักอีก... อย่างไม่มีวันเพียงพอ วันใดที่ความรักมาถึงปลายทาง เมื่อนั้นพึงเข้าใจว่าความรักที่รักมายังไม่ใช่ความรักแท้ อาจจะเป็นแค่ความเห็นแก่ตัวที่แฝงอยู่อย่างแนบเนียนเบื้องหลังและเอาความรักบังหน้าเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ แต่พอไม่มีอะไรจะกอบโกยอีกแล้ว สิ่งที่อ้างว่าเป็นความรัก ก็มีอันต้องจบสิ้นลง...มีกี่คนต่อกี่คนแล้ว ที่อ้างความรักเพื่อทำลายความรักแท้...ฉันทำไปก็เพราะรักเธอ แต่ที่แท้ฉันทำไปเพราะรักฉัน ต่างหาก”
       “ฟังดูแล้ว ความรักเป็นสิ่งลึกซึ้ง ยากจะเข้าใจได้หมดนะครับ” ผมพูดเสริมขึ้นมาเมื่อเห็นผู้อาวุโสนิ่งเงียบ ท่าทางกำลังจมอยู่ในความคิด
       “ความรักไม่ใช่อยู่ที่ประกายแห่งความงามของใบหน้า ที่ส่องเจิดจ้าจนตาเธอพร่าอย่างไม่นึกไม่ฝัน
       เพราะความงามที่แท้จริงนั้นสะท้อนออกมาจากจิตวิญญาณ และวิญญาณนั้นอยู่ลึกซึ้งเข้าไปในตัวคน ที่เธอต้องเสาะหามาด้วยความหวั่นพรึง
       ความรักไม่ใช่เสน่ห์จากความฉลาด ที่โลดแล่นอยู่ในคำพูดและในทัศนะ ที่เล้าโลมให้เธอพึงพอใจ
       เพราะความฉลาดอาจจะเป็นแค่แสงวอบแวบภายนอก แต่ประกายเจิดจ้าของเพชรนั้นฝังลึกอยู่ในตัวบุคคลที่เธอรักต่างหาก
       ความรักไม่อยู่ในความรู้สึกที่เธอมี เมื่อรู้เห็นว่าหัวใจของใครคนหนึ่งเต้นเพื่อเธอมากกว่าเพื่อคนอื่น หรืออยู่ในความพิศวงใจที่เป็นใครคนหนึ่งเลือกเธอทั้งๆที่เธอรู้ตัวดีว่าไม่สม
       เพราะเป็นไปได้ที่หัวใจดวงนั้นวันหนึ่งจะเต้นเพื่อคนอื่น และปล่อยให้เธอปวดร้าวเลือดไหลรินเจือน้ำตา และต้องรักค้างอยู่อย่างนั้น
       ความรักไม่ใช่ความปรารถนาจะไขว่คว้าครอบครองสิ่งที่ดวงใจเธอเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ร่างกาย หรือจิตใจ หรือทั้งสามอย่างของคนที่เธอรัก
       เพราะคนที่เธอรักไม่ใช่ “วัตถุ” และถ้ายังคิดจะยึดครองเขาไว้สำหรับเธอ ก็แปลว่าเธอไม่ได้รักเขาจริง แต่เป็นเธอที่กำลังรักตัวเองต่างหาก
       ความงาม เสน่ห์ ความกระหายใฝ่หา ความรู้สึก และความปรารถนา... ทุกสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่งดงามและจำเป็นต้องมีในชายและหญิง แต่ก็มีไว้เพื่อช่วยคนที่อยากจะรัก
       สิ่งเหล่านั้นจึงเป็นดังประตูที่แง้มเปิด และหน้าต่างที่เปิดอ้า
       เป็นดังสายลมที่พัดโชย
       เป็นดังเสียงร้องเชิญของคลื่นลมในทะเลสาบ
       ให้เธอออกจากบ้านของเธอ ไปหาบุคคลที่เธอเลือกให้เป็นจุดยอดแห่งชีวิตของเธอเพราะเธอรักและอยากจะรักเขาเสมอไป”
       ผู้อาวุโสเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะพูดต่อ
       “การรักคือการอยากให้คนที่เธอรักเป็นอิสระและไม่คิดจะลวงเขาไว้เพื่อเธอคนเดียว เพื่อเขาจะได้รู้สึกอิสระที่จะพูดได้ว่า “ฉันรักคุณ” โดยไม่ต้องมีแรงกดดันใดๆ
       รักคือการเข้าสู่สวนดอกไม้แห่งดวงใจของคนที่เธอรัก เมื่อเขาเปิดประตูให้ เพื่อว่าในขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับความงดงามของดอกไม้หลากสี เธอจะได้พึมพำออกมาว่า “เธอคือผู้ที่ฉันรัก เพียงคนเดียว”
       รักคือปรารถนาสุดหัวใจให้คนที่เธอรักได้ดี ก่อนความดีของเธอเสียอีก และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักเติบโต เบ่งบานไปสู่การเป็นคนอย่างที่เขาควรจะเป็น และไม่ใช่เป็นอย่างที่เธอใฝ่ฝันไปตามจินตนาการของเธอเอง
       รักคือการมอบตนเองให้แก่คนที่เธอรัก แม้ว่าบางครั้งเขาอาจจะปฏิเสธ มอบให้โดยไม่ต้องคำนึงว่าเขาจะให้อะไรเธอบ้าง และพร้อมที่จะให้อภัย เมื่อคนที่เธอรักเปลี่ยนใจไปปันให้คนอื่น สิ่งที่เขาสัญญาจะให้เธอเพียงคนเดียว
       รักคือเชื่อและไว้ใจในคนที่เธอรัก เชื่อในพลังที่แอบแฝงอยู่ในตัวเขา เชื่อในชีวิตของเขา และพร้อมจะตัดสินใจเดินเคียงข้างเขาไป ในเส้นทางเดินอันไม่มีสิ้นสุดแห่งความรัก
       รักคือการพร้อมจะรับทนทุกข์และตายจากตนเอง เพราะใครอาจจะลืมตนเองเพื่อคนอื่นโดยไม่ต้องทุกข์ได้บ้าง? หรือใครที่เลิกดำเนินชีวิตเพื่อตนเองโดยไม่มีอะไรบางอย่างที่ตายไปในตัวเขาได้บ้าง?
       ความรักคือทุกสิ่งเหล่านี้ และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย
       เพราะความรักคือพระเจ้า
       ต่อเมื่อเธอจะยอมให้พระเจ้ารักคนที่เธอตัดสินใจรัก เมื่อนั้นความรักของเธอจึงจะเต็มเปี่ยม”
       ผู้อาวุโสกล่าวสรุป ก่อนจะก้าวเดินต่อไปอย่างช้าๆแต่มั่นคงในฝีก้าว
คงปล่อยให้ผมนั่งคิดทบทวนทุกสิ่งที่ได้ยิน อยู่เพียงคนเดียว
       ก่อนที่จะตัดสินใจเขียน... เกี่ยวกับความรัก

 

 



-TOP-