
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว อัลเลลูยา อัลเลลูยา
พระองค์ทรงนำชีวิตใหม่มาให้เรา อัลเลลูยา อัลเลลูยา
สุขสันต์วันฉลองปัสกาครับ แม้ว่าเราจะอยู่ในความเคร่งเครียดกับการเตรียมฉลองปัสกา ด้วยเทศกาลมหาพรต ทว่า จุดมุ่งหมายของเราก็คือปัสกา การกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า การเตรียมนั้นโดยปรกติแล้วก็เป็นแค่เพียงช่วงเวลาอันสั้น ซึ่งจะต้องผ่านไปพร้อมกับการมาถึงการฉลอง ฉะนั้น ขณะที่เตรียมฉลอง เราก็อาจจะเริ่มคิดถึงวันฉลองได้แล้ว การคิดถึงวันฉลองทำให้การเตรียมตัวเข้มข้นและดีพร้อมมากขึ้น เพราะรู้และสำเหนียกว่าเตรียมเพื่ออะไร นอกนั้นสุขสันต์ในวันปัสกาจะมากหรือน้อย ก็อยู่กับการเตียมด้วยเทศกาลมหาพรตนี้แหละ ถ้าเตรียมดี เตรียมจริง สุขสันต์วันฉลองก็จะมากขึ้น ถ้าเตรียมไปยังงั้นๆ สุขสันต์ก็จะยังงั้นๆ นั่นหมายความว่าการส่งความสุขปัสกาตอนมหาพรตก็เป็นการถูกต้องแล้ว เพราะเป็นการอวยพรให้เจริญจิตตารมณ์มหาพรตให้ดีที่สุดที่จะดีได้ เพื่อผลของฉลองจะได้อุดมสมบูรณ์สำหรับวิญญาณและชีวิตจิตของเราตราบนานเท่านาน
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพและนำชีวิตใหม่มาให้แก่เรา ถูกแล้วมนุษย์เก่าของเราถูกตรึงพร้อมกับพระองค์บนไม้กางเขนแล้ว เราจึงกลับเป็นขึ้นมาเป็นมนุษย์ใหม่พร้อมกับพระองค์ อย่างที่นักบุญเปาโลเทศน์สอน
ชีวิตฝ่ายกายเราจะเจริญต่อไปเหมือนเดิม การกิน การอยู่ การเจ็บการป่วย การเติบโตการแก่... ก็ยังคงเป็นไปตามธรรมชาติของมันต่อไป ทว่าชีวิตใหม่นั้นเราหมายถึงชีวิตฝ่ายจิตใหม่ที่แสดงออกมาในความนึกคิด ความเห็น การตัดสิน การตีคุณค่า การปฏิบัติ... ภายใต้การบอกการนำของพระวาจาของพระเจ้าที่ได้รับการนำมาประยุกต์ และเปลี่ยนให้เป็นชีวิตอันเข้มข้น
หลายครั้งในชีวิตแต่ละวันของเรา เรากับพระเจ้าเดินสวนทางกัน จะในความนึกคิด ความเห็น การตัดสิน การตีคุณค่า การปฏิบัติ... ชีวิตใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าจะต้องช่วยทำให้เรากับพระเจ้าเดินไปด้วยกัน หรือจะให้ดีกว่า เราเดินไปในพระเจ้าและพระเจ้าในเรา ชีวิตเรากับชีวิตพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวแม้ว่าหลายครั้งจะเป็นการยากที่จะคล้อยชีวิตของเราตามชีวิตพระเจ้า เพราะไม่น้อยครั้งที่เราไม่เข้าใจว่าทำไมหนทางของพระเจ้าจึงเป็นอย่างนี้ ซึ่งดูตามประสามนุษย์แล้วน่าจะเป็นอย่างนั้น และอีกบางครั้งหนทางของพระเจ้าเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างจากเรา ความเสียสละ ความปวดร้าว น้ำตา ความขมขื่น... จนเราแทบจะไม่เชื่อว่า นั่นก็ยังเป็นหนทางของพระเจ้าอีกเช่นกัน
การกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า จะให้กำลังแก่เราที่จะเชื่อต่อไป ทั้งๆที่หลายครั้งดูจะขัดกับสามัญสำนึกที่จะน้อมรับน้ำพระทัยของพระองค์ ทั้ง ๆ ที่หัวใจเราตะโกนก้องอยู่ปาว ๆ ว่ามันขัดต่อเหตุผลมันเป็นไปไม่ได้ ที่จะยืนหยัดเป็นคนดีต่อไป ทั้ง ๆ ที่รอบด้านความจริงมันฟ้องว่า คนดีไม่มีวันเจริญ... จดหมายฉบับนี้ ได้มาจากนิตยสารคาทอลิกชื่อดัง และแพร่หลายที่สุดในประเทศอิตาลี มันจะช่วยบอกให้รู้ว่าชีวิตใหม่ที่พระคริสตเจ้าทรงนำมาให้เรา ในวันที่พระองค์ทรงกลับคืนชีพนั้นคืออะไร
คุณพ่อคะสำหรับดิฉันแล้ว ตอนนี้คุณพ่อเป็นทุกอย่างเป็นพ่อเป็นแม่ แทนพ่อแม่ของดิฉันที่เสียไปหมดแล้ว เป็นพี่เป็นเพื่อน... ดิฉันจึงกล้ากราบขอให้คุณพ่อช่วยดิฉันด้วย ช่วยดิฉันให้ออกจากบ่อลึกไม่เห็นก้นแห่งความทุกข์โศกอันนี้ทีเถอะ ช่วยดิฉันด้วย อย่าให้ดิฉันต้องเป็นบ้าไปเสียก่อน ดิฉันอายุเพิ่ง 35 ปี มีลูกสาวน่ารักสองคน และสามีที่เทิดทูนรักใคร่ดิฉันยังกับอะไร แต่... แต่ดิฉันเป็นมะเร็ง หนึ่งปีเต็มๆ ที่ดิฉันต้องล้มป่วย ผ่านการรักษาหยูกยามาสารพัดอย่าง
...ทว่าความพยายามทุกอย่างไร้ผล ชีวิตของดิฉันถูกลากเส้นตายไว้แล้ว ดิฉันเป็นมะเร็งในเส้นโลหิตขาว!
โอ พระเจ้า ทำไม... ข้าพเจ้ารักลูกสุดหัวใจอย่างนี้แล้ว ทำไมจึงไม่มีสิทธิ์จะได้เห็นแกเติบโตเป็นสาวบ้างล่ะ ทำไมข้าพเจ้าจะต้องพรากจากสามีที่แม้จะผ่านชีวิตการแต่งงานมาแล้วสิบปี ยังพูดได้อย่างเต็มปากว่า ผมรักคุณ รักคุณมากขึ้นทุกวัน... ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ายังไม่อยากตาย ข้าพเจ้ายังรักลูกรักสามีสุดดวงใจ ข้าพเจ้ายังไม่อยากจะพรากจากพวกเขาไปเลย ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ...คุณพ่อคะ ดิฉันกำลังจะเป็นบ้า ใช้เหตุใช้ผลไม่เป็นเสียแล้ว ขณะที่ใจหนึ่งไม่อยากจะตาย อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่แล้วอีกใจหนึ่งอยากจะฆ่าตัวตาย ตายเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ดิฉันหมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากจะไปรักษามันต่อไปแล้ว ไม่อยากจะออกจากบ้านไปเดือนละครั้งเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล เพราะรู้อยู่เต็มใจแล้วว่า ดิฉันกำลังก้าวไปสู่ความตายทุกวัน ๆ ดิฉันเป็นดังนักโทษประหารที่กำลังรออยู่อย่างเดียว คือเดินขึ้นสู่ที่ประหาร ทำไมหนอ ดิฉันจึงสวดไม่ออก ข้าแต่พระเจ้า ทำไมข้าพเจ้าจึงเริ่มสงสัยแม้กระทั่งพระองค์มีจริงหรือเปล่า ข้าพเจ้าอยากจะแช่งชักหักกระดูกพระองค์ อยากจะเอาหัวชนกำแพงและร้อง ร้องให้มันหมดความรู้สึกไปเลย... คุณพ่อคะช่วยดิฉันด้วย ดิฉันกราบล่ะ ช่วยอย่าให้ดิฉันต้องเป็นบ้าเลย...
อีกแผ่นหนึ่งของจดหมาย เป็นคำตอบที่เขียนโดยเจ้าตัวเอง ที่ออกมาในรูปของคำภาวนาพรั่งพรูออกมาจากดวงใจหนักอึ้งด้วยความทุกข์ปวดร้าวของเธอ
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าต้องยอมรับว่ามันเป็นการยากเหลือเกินที่เข้าใจพระองค์ ดูทุกอย่างมันมืดมนไปหมด และดูไม่ออกเหมือนกันว่าจะเริ่มต้นกันที่ไหนดี ถ้าข้าพเจ้ามาคิดว่า มนุษย์ทุกคนเสมอภาคกัน ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบางคนโชคดี ส่วนอีกบางคนต้องโชคร้ายตกอับ ถ้าข้าพเจ้าจะปลงเสียว่า มันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่เป็นไปภายใต้การควบคุมของพระญาณสอดส่องของพระองค์ แล้วทำไมสำหรับบางคนจึงเป็นเรื่องของโชคชะตามากกว่าจะเป็นพระญาณสอดส่องของพระองค์เล่า และถ้าข้าพเจ้ามาคิดเสียให้ตกว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่า ก็ยังมองไม่เห็นเหมือนกันว่า พระองค์จะมีประโยชน์อะไรอีก ชีวิตก็ดูไร้ความหวังไปเสียโดยปริยาย... แต่ดูมันจะเป็นอย่างนั้นจริงด้วย ข้าพเจ้าไม่เข้าใจเลย ยิ่งคิดมากยิ่งไม่เข้าใจ ความจริงแห่งการเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอมันแสดงตัวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนในเวลานี้เอง
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าไม่ทราบเอาจริงๆ ว่าจะทำอะไรดี ทุกอย่างมันดูผิดสามัญสำนึกไปเสียหมด ความหายนะดูขมขื่นและคล้ายกับจะแกล้งแก้แค้นข้าพเจ้าเล่น ขณะที่ข้าพเจ้าคิดว่าได้ลุถึงจุดยอดของความใฝ่ฝันในชีวิตแล้ว การจะลุจุดหมายอะไรบางอย่างมันแสนจะลำบากยากเย็น แต่แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่และกำลังถูกกัดกินไปทีละน้อยๆ ข้าพเจ้าได้ออกแรงออกกำลังทำงานเสียมากมายไปทำไม ข้าพเจ้าได้พยายามประพฤติตนอยู่ในกรอบในกฎเกณฑ์ไปทำไม ทำไมต้องฝืนทนต่อความชั่ว ความไม่เข้าใจและการมุ่งร้ายหมายขวัญของคนอื่นมาตลอด ทำไมข้าพเจ้าจึงได้บอกคนอื่นไปว่า ข้าพเจ้ามีความสุข สุขมาก
คำถามเหล่านี้เฝ้าวกเวียนทรมานจิตใจข้าพเจ้าอยู่ตลอดเวลา พระเจ้าข้าพระองค์ต้องการอะไรจากข้าพเจ้าแน่ๆ พระองค์ต้องการอะไรจากหญิงสาวผู้นี้ที่มีลูกน่ารักสองคนและสามีที่บูชาเธอทุกลมหายใจ พระเจ้าข้า บอกข้าพเจ้าหน่อยเถอะทำไม พระองค์จึงทรงลงโทษประหารชีวิตข้าพเจ้าตั้งแต่เวลานี้เล่า ใช่ ข้าพเจ้ารู้ดีว่าทุกคนจะต้องตายไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่นี่พระองค์เล่นขีดเส้นตายให้ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้... ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของชีวิต มันเป็นพระคุณหรือว่าเป็นความโหดร้ายกันแน่พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าต้องการจะรู้ ทุกคนต้องรู้และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตนเองอย่างนี้ ยิ่งมีสิทธิ์จะต้องรู้ ข้าพเจ้าพอจะวาดภาพคิดได้เลยว่า พระองค์คงจะตอบว่า พระเยซูเจ้าทรงรู้ พระองค์ทรงเป็นบุตรของเรา แต่พระเจ้าข้า พระบุตรของพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์มีความเชื่อขนาดย้ายภูเขาได้ ทรงทราบดีถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์และทรงล่วงรู้ถึงรหัสธรรมของพระองค์ แต่ข้าพเจ้า... แต่เราส่งพระบุตรมาก็เพื่ออย่างนี้โดยเฉพาะ พระองค์คงจะตอบ คือเพื่อให้พวกเธอได้เรียนรู้จากพระองค์ จะได้รู้จักเจริญชีวิตและรู้จักตาย เราสามารถยกเว้นพระบุตรของเราจากความทุกข์เจ็บปวดตามประสามนุษย์ แต่เราก็ไม่ได้ยกเว้นเพื่อพระบุตรของเราจะได้เหมือนพวกเธอทุกอย่าง พระองค์จะสอนพวกเธอให้เข้าใจว่าความตายน่ะจะต้องยอมรับด้วยความเชื่อและความไว้วางใจ ไม่เช่นนั้นมีแต่จะสร้างความหมดหวังเพราะการจำต้องพรากจาก
ใช่พระเจ้า พระวาจาของพระองค์ถูกต้อง แต่มันยากเหลือเกินที่จะทำใจได้ เราตามลำพังไม่อาจจะทำได้แน่ เราไม่เข้าใจ เราต้องการพระหรรษทานของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบิดาเป็นมารดาของเรา และพระองค์ทรงประสงค์จะให้เราผู้หญิงได้กำเนิดลูก แต่มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่พอให้กำเนิดลูกถึงสองคนแล้วก็มีอันเป็นไปต้องพรากจากลูกน้อยไปในขณะที่ลูกยังเล็ก และต้องการแม่เช่นนี้ จะให้คิดได้อย่างไรว่าพระองค์ไม่เห็นว่ามันโหดร้ายแค่ไหน
พระเจ้าข้า โปรดช่วยเรา ถ้าพระองค์ทำได้ ถ้าพระองค์อยากโปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตต่อไปก่อนแต่อย่างน้อยโปรดให้จิตใจข้าพเจ้าสงบแจ่มใสต่อหน้าสถานการณ์เช่นนี้ ช่วยข้าพเจ้าให้เข้าใจว่าเราวัดคุณค่าของชีวิตไม่ใช่ด้วยจำนวนปีแต่ด้วยความเข้มข้นของความรัก กระนั้นก็เถอะ จำนวนปีก็สำคัญไม่น้อย พระเจ้าข้าพระองค์ทรงทราบดี โปรดช่วยข้าพเจ้าให้เชื่อว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามพระปรีชาญาณและการมองกาลไกลของพระองค์ ที่เราหลายครั้งมองไม่ถึง เราต้องการพระหรรษทานของพระองค์ไม่เช่นนั้นเราพินาศแน่ ๆ เราวิงวอนพระองค์พระเจ้าข้า โปรดสดับฟังเรา โปรดช่วยเราให้มอบความไว้วางใจทั้งครบไว้ในพระองค์ ส่วนตัวเรานั้นก็ขอเพียงแค่กำลังที่จะภาวนาต่อไป...
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพ พระองค์ทรงชนะความทุกข์ทรมานและความตายโดยสิ้นเชิงด้วยความรักของพระองค์ ความรักที่มีพลังแข็งแกร่งทรงพลังกว่าความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก และความตาย ความรักนี้พระองค์ทรงให้แก่เราในโอกาสฉลองปาสกาเป็นพิเศษ ความรักที่จะให้ชีวิตใหม่แก่เรา ชีวิตของพระองค์ อัลเลลูยา