คุยให้คิด
.................................................

 


โดย บ.สันติสุข

ขณะที่แรงหนึ่งผลักดันให้เข้าหาผู้อื่น แรงอีกแรงคอยแต่จะดึงให้ห่างออกมา
ตัวคนเดียว ไม่เหมือนใคร ต่างไปจากทุกคน
คนเรารู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายได้สองกรณี
อยู่ห่างไกล ขาดการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ว่าทางใด การพูด การเขียน การฟัง การไปมาหาสู่...
และอีกกรณีหนึ่ง เมื่ออยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้อื่น แต่รู้สึกว่าไม่มีอะไรสามัญกับผู้อื่นเลย ทัศนคติ ความคิดเห็น วิถีชีวิต การพูด การกระทำ การแต่งตัว ค่านิยม...
ความโดดเดี่ยวอย่างแรกยังพอทน เพราะความจำเป็นบังคับ สภาพแวดล้อมสร้างมันขึ้นมาอย่างนั้น ไป ๆ ก็อาจจะเคยชิน แม้ธรรมชาติสัตว์สังคมจะเรียกร้องเป็นครั้งเป็นคราว ในยามอารมณ์สูงต่ำ
แต่ความโดดเดี่ยวประเภทหลังนี่สิ ร้ายกาจ
อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เดินแทบจะเหยียบเท้ากันตาย เห็นหน้ากันทุกวัน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วย อาศัยหลับนอนอยู่ในบ้านเดียวกัน ทานอาหารจากโต๊ะเดียวกัน...
แต่จิตใจห่างไกลกันลิบลับ
 รู้จักกันก็แต่ใบหน้า
       ประชาสัมพันธ์กันก็แต่คำพูด
       อยู่ใกล้ชิดกันก็แต่กาย

มันเป็นความโดดเดี่ยวที่แสนจะว้าเหว่
ที่วัยรุ่นกำลังประสบกันอยู่
“วัยรุ่นคือวัยที่เท้าข้างหนึ่งอยู่ในความเป็นเด็ก และอีกข้างหนึ่งอยู่ในความเป็นคนใหญ่”
มีคนพูดไว้อย่างคมคาย แต่ก็ชวนให้ต้องคิดไม่น้อย
ขณะที่ร่างกายเติบโตสูงใหญ่ แต่จิตใจของวัยรุ่นยังมีความเป็นเด็กอยู่ ไม่กล้าตัดสินใจ ขาดความมั่นใจ ขาดความเป็นตัวของตัวเอง...
 วัยรุ่นจึงเข้ากับเด็ก ๆ ได้ก็ไม่สนิทสนมเต็มที่เพราะร่างกายสูงใหญ่ รสนิยมเปลี่ยนไป ความนึกคิดตลอดจนทัศนคติกำลังพัฒนาแตกต่างจากเด็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ
 เวลาเดียวกัน วัยรุ่นก็เข้ากับคนใหญ่ได้ไม่หมดไปทุกอย่าง แม้ร่างกายจะสูงใหญ่ แต่งกายคล้ายกัน แต่จิตใจยังมีความเป็นเด็ก ขาดเอกลักษณ์ของตน ขาดความรับผิดชอบ
วัยรุ่นจึงเป็นวัยเก้งก้าง วางตัวไม่ถูก เขิน อายได้ง่าย
 จะวางตัวเป็นเด็กก็ไม่สนิท
       จะวางตัวเป็นผู้ใหญ่ก็ใช่จะถนัด

วัยรุ่นจึงเป็นวัยโดดเดี่ยวเดียวดายโดยปริยาย
และถ้าต้องมาเจอกับความไม่เข้าใจของคนใหญ่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์เข้าด้วย
วัยรุ่นก็ยิ่งจะรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นทวีคูณ ถึงขนาดรู้สึกราวกับว่าตนเองอยู่กับคนละโลกกับวัยอื่น ๆ
  ที่สุดก็เหลือเพียงแต่คนที่อยู่ในวัยเดียวกันเท่านั้น ที่พอจะคบหา เข้าอกเข้าใจ พูดคุยกันรู้เรื่อง รสนิยมตรงกัน ทัศนคติคล้ายกัน
และนี่เป็นที่มาของพฤติกรรมเกาะกลุ่ม เกาะพวกอย่างเหนียวแน่นของวัยรุ่น
เพราะพวกเขาทนโดดเดี่ยวตัวคนเดียวไม่ได้
ต่อเมื่อมีความเห็นอกเห็นใจและพร้อมจะเข้าใจ เวลาสำหรับมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน การยอมรับจากคนใหญ่ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์...
เมื่อนั้น ความโดดเดี่ยวตัวคนเดียวของวัยรุ่นจะน้อยลงอีกแยะ
แม้จะไม่หายหมดสิ้นเพราะธรรมชาติของวัย แต่อย่างน้อย เท้าแต่ละข้างของวัยรุ่นที่เหยียบอยู่ระหว่างสองวัยดังกล่าวจะเหยียบยืนอยู่ด้วยความสบายใจ สดชื่น และหรรษาเริงร่าสมธรรมชาติของวัยรุ่น
 เพราะลองคนเรารู้สึกว่า ยังไงเสียตัวไม่ใช่คนเดียวก็ให้รู้สึกอบอุ่นมั่นใจแล้ว
ทั้งนี้และทั้งนั้นขึ้นอยู่กับทีท่าของคนใหญ่ทุกคนที่ไม่ทางใดทางหนึ่งมีส่วนพัวพันกับวัยอันบอบบางของมนุษย์เรานี้
“ถ้าคุณปฏิบัติต่อวัยรุ่นแบบต่อเด็ก ๆวัยรุ่นก็จำทำตัวเป็นเด็ก แต่ถ้าคุณปฏิบัติต่อวัยรุ่นแบบผู้ใหญ่ วัยรุ่นก็จะทำตัวเป็นผู้ใหญ่”
ใครพูด ผมจำไม่ได้
แต่น่าที่เราทุกคนที่เลยวัยนี้แล้ว ลองปฏิบัติกันดู •