กราบเรียนคุณพ่อที่เคารพ


        เนื่องจากลูกรู้สึกสำนึกในบุญคุณของท่านนักบุญดอมินิก ซาวีโอ ที่ช่วยให้คำภาวนาของลูกได้สำเร็จผล ลูกได้รับคำแนะนำให้สวดข้าแต่พระบิดา 3 บท และวันทามารีอา 3 บททุกคืน ลูกได้ขอให้ลูกชายคนเล็กสวดให้พี่ชายคนเดียวของเขาทุกคืน


        ลูกมีความทุกข์มาก เรามีลูกชายสองคน คนเล็กเกิดมาเป็นเด็กดี เชื่อฟัง รักพ่อแม่ ไม่เคยทำให้เสียใจ ส่วนลูกชายคนโต ตั้งแต่เกิดมาก็มีแต่ปัญหา เล็ก ๆ เคยเจ็บหนักเป็นมะเร็ง ได้สวดขอแม่พระและรักษาจนหายเมื่ออายุ 3 ปี ตั้งแต่เกิดมาก็ขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเอง อาละวาดจนบ้านไม่มีความสงบ เกิดการทะเลาะวิวาท ขัดแย้งกันระหว่างลูกกับสามี ลูกรู้ว่าเกิดจากลูกชายคนโตที่ทำให้บ้านปั่นป่วน จนลูกท้อแท้และเสียใจทุกวัน


       ลูกได้ใช้วิธีการทุกรูปแบบ ทั้งทางจิตวิทยาก็ไม่สำเร็จผล ทั้งตีทั้งปลอบก็ยังฤทธิ์มาก จนญาติ ๆ ที่ใกล้ชิดเอือมระอาที่เห็นเขาแผลงฤทธิ์ทุกวัน เขาดื้อรั้น โกรธง่าย เห็นแก่ตัว ความไม่ดีทุกรูปแบบมีอยู่ในตัวลูกชายคนนี้ ทุกคนส่ายหน้าว่าจะต้องสร้างปัญหาให้ลูกตลอดชีวิต ลูกหมดกำลังใจทั้งสิ้น พอดีพี่สาวของลูกได้เล่าว่า นักบุญดอมินิกทำอัศจรรย์ให้คนมามาก ลูกเริ่มมีความเชื่อ และโทรศัพท์มาขอคำปรึกษาจากคุณพ่อ คุณพ่อก็แนะนำให้สวดข้าแต่พระบิดา และวันทามารีอาอย่างละสามบท และถ้าสำเร็จก็ให้เขียนลงในนิตยสารดอนบอสโก เพื่อให้คนทั่วไปได้ทราบแต่ลูกได้ลืมไปจนได้คุยกับพี่สาว จึงสำนึกได้ว่าลูกลืมที่จะเขียนมาเล่า


        หลังจากที่ลูกเริ่มสวดพร้อมกับลูกชาย อ้อนวอนขอให้บ้านของลูกสงบ และขอให้ลูกชายคนโตเป็นเด็กดี ใจเย็น และเชื่อฟังพ่อแม่เหมือนลูกคนอื่น ๆ ลูกก็เริ่มเห็นได้ชัดเมื่อปิดเทอมเมษาปีที่แล้ว ลูกชายกลายเป็นเด็กดี ช่วยเหลืองานที่บ้านอย่างเสียสละ และพูดจาสุภาพ เสียสละทุกอย่าง เชื่อฟัง และเห็นอกเห็นใจทุกคน ไม่เคยก้าวร้าวใครอีกมีแต่ความเมตตา โดยเฉพาะรักพ่อแม่พี่น้อง อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สุภาพเรียบร้อย ศรัทธา กลายเป็นคนใหม่ ลูกภาคภูมิใจเขามาก พูดอยู่เสมอว่าได้ลูกชายคนใหม่ซึ่งไม่มีอะไรเหมือนคนเก่าเลย เขาเป็นเด็กไม่ดี เกเรมา 12 ปีเต็ม ขณะนี้เขาอายุย่างเข้า 14 ปี ที่สำคัญคือ เขาเรียนดีอย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มเรียนดีขึ้นมากกว่าในปีก่อน ๆ แล้วปีนี้เขาเรียนได้เกียรตินิยมจากโรงเรียนอัสสัมชัญในชั้น ม. 2 ปรกติอัสสัมชัญเรียนยากและหนักมาก เขาผ่านทุกวิชาอย่างดี ขยัน ตั้งใจเรียน และตลอดปีเขาเรียนเฉลี่ยได้ 82 เปอร์เซ็นต์ บางเทอมได้ 86 เปอร์เซ็นต์


        ลูกรู้สึกทึ่งและไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นักบุญได้ทำอัศจรรย์อย่างนี้ พี่สาวของลูกยังงง เพราะทุกคนบอกว่าลูกชายคนนี้คงลำบาก เพราะไม่ค่อยสนใจการเรียน และไม่มีสมาธิใด ๆ เอาเลย


       สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่ลูกเล่ามา ยังไม่เท่ากับที่ลูกได้ประสบมา ลูกเหมือนกับได้ลูกคนใหม่ที่ดีพร้อม ลูกเคยเปรียบเทียบกับลูกเพื่อน ๆ แล้ว ลูกก็น้อยใจที่ทำไมลูกต้องรับ
เคาระห์เช่นนี้ แต่นี้ไปลูกชายคนนี้มีแต่นำชื่อเสียงและความกตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้า เขารักและเ อาใจใส่ดูแลญาติผู้ใหญ่รักน้อง เขาไม่เคยมีความรักต่อใครเลย แต่เดี๋ยวนี้เขากลับมีแต่ความรักและเมตตาต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง ทุกคนที่ได้พบเห็นต่างพูดเป็นคำเดียวว่า ลูกชายคนโตนี้เป็นเด็กดีมาก ไม่เคยเห็นใครน่ารักเท่าเขา ลูกโชคดีมากที่ได้รู้จักนักบุญดอมินิก ยังไม่สายเกินไปที่ความปรารถนาของลูกได้เป็นความจริงอย่างคาดไม่ถึง บ้านจึงเป็นบ้าน ทุกคนมีแต่ความสงบสุขและรักใคร่กัน ลูกจึงเขียนมาโมทนาคุณท่านนักบุญที่ได้ช่วยลูกในเรื่องที่ใหญ่โตเกินกำลังความสามารถของทุกคนที่จะแก้ปัญหานี้ได้ ลูกเชื่อในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้คุณพ่อช่วยลงเรื่องนี้ให้ทุกคนได้รับรู้ เพราะยังมีคนอีกมากที่กำลังเผชิญปัญหาอย่างลูกจะได้ไม่ท้อแท้ต่อชีวิต

                ด้วยความเคารพ
                จันทรา

 

       อ่านจดหมายแล้ว อดชื่นชมด้วยไม่ได้
       อัศจรรย์... อัศจรรย์ของความรัก
       ใช่ครับ สำหรับผม นี่เป็นอัศจรรย์ของความรัก
       อัศจรรย์มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง เท่าที่ได้ยินได้อ่านมา
       แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันหมด คือ มาจากพระเจ้า
       พระเจ้าทรงมีวิธีการ แตกต่างกันออกไป
       บางครั้ง พระองค์ทรงทำอัศจรรย์โดยตรง เช่นในสมัยของพระเยซูเจ้า เป็นต้น
       แต่ส่วนใหญ่พระองค์ทรงกระทำผ่านทางบุคคล... พระแม่มารีอา ... นักบุญ... ผู้ศักดิ์สิทธิ์...
       ในกรณีเช่นนี้ เราไม่บอกว่าผู้นั้นผู้นี้ทำอัศจรรย์ อาศัยและโดยคำเสนอวิงวอนของพระแม่มารีอา หรือนักบุญองค์นั้นองค์นี้
       นี่เป็นอัศจรรย์ของความรัก อย่างที่ผมกล่าวมาแล้ว
       เพราะอัศจรรย์มาจากพระเจ้า
       และพระเจ้าคือองค์ความรัก อย่างที่อัครสาวกยอห์นกล่าวไว้
       ฉะนั้น ทุกครั้งที่มีความรักแท้ ก็มีอัศจรรย์   
       อย่างที่ความรักของแม่ผู้นี้ก่อให้เกิดอัศจรรย์ขึ้นในลูก
       แต่ว่า เรามองอัศจรรย์เฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น... หายป่วยอย่างกระทันหัน... เปลี่ยนนิสัยเป็นคนละคน... ได้รับอะไรเกินความคาดคิด... ฯลฯ
       ก็เลยมองข้ามอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน... ในตัวเรา... รอบ ๆ ตัวเรา
       คนป่วยหายเป็นปรกติ มีสุขภาพดีอย่างนึกไม่ถึง... นั่นเป็นอัศจรรย์
       แต่คนที่ไม่ต้องล้มป่วย และมีสุขภาพดีมาตลอด... นั่นไม่ใช่อัศจรรย์ใหญ่กว่านั้นหรอกหรือ?
       คนตายกลับคืนชีพ... นั่นอัศจรรย์อีกเหมือนกัน
       แต่คนที่มีชีวิตอยู่ได้แต่ละวัน และทุกส่วนที่ซับซ้อนในร่างกาย ต่างทำหน้าที่ของมันอย่างปรกติและเที่ยงตรงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน... นั่นอัศจรรย์ยิ่งใหญ่กว่าเป็นไหน ๆ
       คนที่ประพฤติตนเหลวไหล ครอบงำด้วยความชั่ว จู่ ๆ ก็กลับตัวเป็นดี เป็นคนใหม่... นั่นเป็นอัศจรรย์
       แต่คนดีที่ยืนหยัดในความดีมาได้โดยตลอดอย่างคงเส้นคงวา โดยไม่นำพาทุกอย่าง...  นั่นไม่ใช่อัศจรรย์อย่างต่อเนื่องหรือ?
       ความผิดปรกติ ที่ยังคงความปรกติอยู่ได้ตลอดนี่สิเป็นสิ่งน่าพิศวง
       นั่นสิ อัศจรรย
       มองจากแง่นี้แล้ว ชีวิตของเราแต่ละวัน ล้วนเป็นอัศจรรย์อันต่อเนื่อง
       อัศจรรย์ของความรักของพระเจ้า
       แต่เราเคยคิดจะขอบคุณพระองค์บ้างไหม?

 



-TOP-