
มันเป็นฝันร้ายชัดๆ
เพื่อนผมคนนั้นระเบิดออกมาก่อนจะทักทาย อย่างที่ใครต่อใครเขาทำเมื่อพบกัน
มันผิดธรรมดาของเพื่อนผมคนนี้ ที่มักพูดด้วยสายตามากกว่าคำพูด
คงต้องเป็นเรื่องสาหัสฉกรรจ์อย่างไม่ต้องสงสัย
แน่
ยังทำหน้าเหมือนไปต่างประเทศมาอีก เพื่อนเน้นเสียง เมื่อเห็นหน้าตางง ๆ ของผม
เคยบ้างไหมที่ฝันร้ายตอนที่ตื่นอยู่
เพื่อนไม่รอคอยคำตอบ
ถ้าฝันร้ายตอนหลับพอตื่นก็หมดกันไปแต่นี่ต้องฝันร้ายขณะตื่นอยู่เต็มอัตรา
มันร้ายแค่ไหนลองคิดดู เพื่อนพูดต่อ ท่าทางสื่อชัดเจนว่าคราวนี้ไม่คิดจะคุย
ไอ้เราก็คิดว่ามันจะออกมาดีเห็นเตรียมข้อมูลเห็นคุยเป็นคุ้งเป็นแควว่าคราวนี้อยู่หมัดแน่นอน
อีโธ่เอ้ยมันก็อีหรอบเดียวกัน เวลาเพื่อนผมเครื่องร้อนแบบนี้ ดีที่สุดคือปล่อยเขาพูด
เที่ยวออกข่าวแทบทุกวันแถมหอบเอกสารประกอบเป็นกอง ๆ
ที่แท้ก็คือเล่นกันนอกรอบตีกรอบให้ลนลาน
พออีกฝ่ายร้อนท้องก็ต้องรีบงัดหลักฐานเด็ดออกมาตอบโต้กลายเป็นไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่
สมองผมโลดแล่นหาข้อมูลด้วยความรวดเร็ว พยายามนำมาเรียบเรียงประกบข้อมูลกระท่อนกระแท่นที่เพื่อนกำลังพูด เพื่อพอจะรู้ว่าเพื่อนกำลังพูดถึงอะไร
และผมมักจะเหนื่อยสมองกับการพูดคุยกับเพื่อนผมคนนี้อยู่เป็นประจำ
เพราะพูดแต่ละที ไม่มีคำนำ ไม่มีหัวเรื่อง ไม่มีบทสรุป
มันเป็นการท้าทายความสามารถของคนฟังอย่างเห็นได้ชัด
ความที่หูต้องจับใจความห้วน ๆ ตาต้องอ่านท่าทีสีหน้า สมองต้องโลดแล่นสั่งงาน
ทำให้การพูดคุยกับเพื่อนคนนี้มีรสชาติไปอีกแบบ
ตอนแรก ๆ เพื่อนมักจะหงุดหงิดเมื่อผมต่อเรื่องไม่ติด แล้วเลิกพูดเลิกจาไปเฉย ๆ
รำคาญ คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่คุยแล้ว
บ่อยเข้าผมเริ่มมีการพัฒนาทักษะ ทุกอย่าง
อะไรก็ได้ ที่จะช่วยให้ผมจับเรื่องจับความสิ่งที่เพื่อนผมพูดไม่กี่คำ และที่ไม่พูดอีกตั้งหลายอย่าง
การพูดคุยกับเพื่อนคนนี้จึงมีทั้งรสชาติและเป็นการพัฒนาเชาว์ไปในตัว
พอวันจริง
ผิดหวังไปตามๆกันมันก็เรื่องเดิมๆเอามาพูดใหม่ใส่สีใส่รสใส่กลิ่น
จนเละเทะ เพื่อนเน้นสองสามคำหลัง กระแทกกระทั้นอย่างเหลืออด
จริง ๆ แล้วมันก็คือละครการเมืองที่แสดงให้เราดูนั้นแหละ
ที่ว่าละครโทรทัศน์น้ำเน่าก็ยังดีกว่าเป็นไหนๆ ดูไปทำใจไปว่าเป็นเรื่องมายาเรื่องแต่งดีกว่าอยู่เปล่าๆ
แต่นี่มันเรื่องจริงกลับมาทำเป็นละครเสียนี่แล้วมันจะเหลืออะไรอีก
ขอถามหน่อยเถอะ
ผมรอประโยคสุดท้ายนี้มานานแล้ว โอกาสของผมที่จะได้ คุย บ้างหละ
อย่างนี้ราษฎรตาดำ ๆ แบบเรายังจะมีความหวังกับคนที่เราอุตส่าห์เลือกเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงในการบริหารบ้านเมืองเพื่อความอยู่ดีกินดีของเราได้อีกหรือขอถามหน่อยเถอะ เพื่อนชิงพูดต่อ ราวกับว่าผมไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อตอบคำถามแรก
ที่สุดแล้วทุกอย่างคงเหมือนเดิมก็เพราะขาดความกล้าและความเด็ดขาดในการเล่นบทบาทที่ควรจะเล่น
ฝ่ายค้านที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาลพบเห็นความไม่ชอบมาพากลก็น่าจะว่ากล่าวชี้แจงกันให้หมดเปลือกจะได้มีการแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความดีของประเทศชาติ
แต่นี่ทำยึกยักท่าทีจริงจังราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเวลาเดียวกันก็คอยปกปิดป้องปัดพฤติกรรมตัวเองในเวลาเดียวกัน
มันก็เลยต้องลงเอยแบบนี้แหละ ที่สุดผมก็ถึงบางอ้อ
จริง ๆ แล้ว ผมไม่ได้ติดตามการอภิปรายมาตั้งแต่แรกเลย เพราะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่ามันจะออกมาอย่างไร ใช้เวลาเพื่อทำสิ่งมีประโยชน์ดีกว่า
คนเราหากคิดจะทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมือง ต้องพร้อมจะลำบาก พร้อมจะเปลืองตัว พร้อมจะเจ็บ
แต่ตราบใดที่ทำไป สงวนท่าทีไป หรือทำไป คอยรักษาปกป้องผลประโยชน์ไป
ประเทศชาติก็มีแต่เสียกับเสียหาย
จะแฉลึกความผิดพลาดของอีกฝ่ายก็กลัวความผิดพลาดของตัวเองจะปรากฎ
จะโจมตีอีกผ่ายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ทำพอเป็นพิธีเกรงว่าโอกาสหน้าจะไม่มีเอี่ยว
จะพูดไม่ไว้วางใจอย่างตรงไปตรงมาก็อ้ำๆอึ้งๆวกไปเวียนมาซ้ำๆซากๆ
แม้แต่ขณะกำลังทำหน้าที่ ก็ยังไม่วายที่จะประชาสัมพันธ์ตนเอง หาโอกาสแจ้งเกิด
คงต้องรอให้หมดรุ่นนี้ไปก่อน การเมืองบ้านเราจึงจะเป็นการเมืองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ประโยคทิ้งท้ายของเพื่อน ก่อนจะจบการพูด(ฝ่ายเดียว)คุยกันวันนั้น •