
ผมยังรู้สึกอึดอัดไม่หาย
ทุกครั้งที่มองดูการไปวัดของคริสตชนหลายคน ในแต่ละวันอาทิตย์
อดถามตัวเองไม่ได้ว่า เป็นความสมัครใจไป หรือเป็นเพราะหน้าที่บังคับ
และคำตอบก็หาได้ไม่ยาก เพียงแค่ดูท่าที ท่าทาง หน้าตา
ของคนที่ไปวัด
ผู้อ่านอาจจะบอกว่าผมคงมองโลกแง่ร้ายเกินไป หากผมจะบอกว่า คนที่ไปวัดเพราะหน้าที่บังคับจะมีจำนวนค่อนข้างมากกว่า
อุตส่าห์มา ก็นับว่าบุญแล้ว หลายคนชี้แจงด้วยใจจริง
ซึ่งก็เป็นบุญจริงด้วย หากคิดว่าการไปวัดเป็นการไปเพื่อผู้อื่นมากกว่าไปเพื่อตนเอง
ทำนองว่า อุตส่าห์มากินเลี้ยงก็นับว่าบุญแล้ว
ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว การกินเป็นบุญของผู้กินมากกว่าใครอื่น
แล้วหลายคนก็คิดเช่นนั้นจริงๆด้วย
ถือว่าการไปวัดเป็นการทำอะไรให้พระ
ทำให้พระพอใจ ทำตามที่พระต้องการ ไปเยี่ยมเยียนทักทายพระ
ด้วยความยากลำบาก และฝืนทน
สีหน้าท่าทางก็บ่งบอกให้เห็นจริงเช่นนั้น
ซึ่งไม่ใช่สีหน้าและท่าทีของคนที่หิวกระหาย (ด้านจิตใจ) คนที่ขัดสน คนที่ต้องการที่พึ่งพา คนที่ต้องการความบันเทาใจ คนที่ต้องการหลักยึดเหนี่ยวที่หนักแน่นสำหรับชีวิต คนที่กระหายความรักแท้และถาวร คนที่ต้องการที่พักพิงฝ่ายใจ คนที่ต้องการหลักประกันสำหรับชีวิตหน้า คนที่ตระหนักว่าหากไม่มีพระแล้ว มองอะไรก็ไร้ความหมาย
อย่างแน่นอน
และคงจะไม่ใช่ความรู้สึกของคนป่วยที่ไปโรงพยาบาล
หรือของลูกหนี้ที่ไปหาเจ้าหนี้
ก็เลยไม่แปลกที่จะได้ยินบางคนพูดว่าไปวัดแล้วได้อะไรบ้างหล่ะ!
สำหรับอีกหลายคนที่มีจิตใจละเอียดอ่อนหน่อย การไปวัดมักจะกระทำไปตามการชี้บอกของมโนธรรม
เพียงแต่ว่าการตัดสินของมโนธรรมนั้นอยู่แค่ระดับบาปกับไม่บาป ไม่เคยเลยไปถึงบาปกับบุญ
การดำเนินชีวิตจึงมุ่งไปที่ว่า คิดอะไร พูดอะไร ทำอะไรบ้างที่เป็นบาป และคิดอะไร พูดอะไร ทำอะไรบ้างที่ไม่เป็นบาป?
วันหนึ่ง ๆ จึงออกแรงพยายามไม่ทำอะไรที่เป็นบาป จนไม่เวลาคิดจะทำบุญหรือทำดี
การหลีกเลี่ยงบาปและความชั่ว จึงเป็นวิถีของหลายๆชีวิต ที่คิดว่าตนสังกัดอยู่ในกลุ่มคนที่เรียกว่าเป็นคนดี ของสังคม
แม้กระทั่งการไปวัด ก็ไปเพียงเพื่อจะได้ไม่บาป
ไม่ต้องไปสารภาพบาป
จะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม วิถีชีวิตคริสตชนของหลายคนตั้งอยู่ในความกลัวเป็นหลัก
การปฏิบัติศาสนกิจจึงมักกระทำไปเพราะความกลัวมากกว่าความรัก
วิถีชีวิตคริสตชนเลยดำเนินไปใน เชิงรับ มากกว่า เชิงรุก
ทุกอย่างจึงกระทำไปให้ครบถ้วนตามกฎเกณฑ์ เพียงเพื่อจะได้ไม่ผิด
และหยุดอยู่แค่ลายลักษณ์อักษรของข้อกำหนด จนไม่คิดจะเลยให้ไกลไปตามบอกนำของความดี
เมื่อต้องตรวจสอบตอนเอง ก็ได้แต่ย้อนกลับไปนับดูว่าได้ทำผิดกี่อย่าง
บัญชีของหลายคนจึงมีแค่ช่องเดียว จำนวนความผิด
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว บัญชีพื้นฐานน่าจะมีอย่างน้อยสองช่อง จำนวนความผิด และ จำนวนความดี เหมือนบัญชีทั่วไปที่มีช่อง รายรับ และ รายจ่าย
ถ้าจะพูดกันในแง่จริยศาสตร์แล้ว
ไม่ผิด ไม่ได้หมายความว่า ถูก
ไม่บาป ไม่ได้หมายความ บุญ
ไม่เกลียด ไม่ได้หมายความว่า รัก
ไม่ชั่ว ไม่ได้หมายความว่า ดี
ปี 3000 ใกล้เข้ามาแล้ว คงต้องเป็นโอกาสย้อนรอยกลับไปสู่ต้นกำเนิดของชีวิตคริสตชนกันให้จริงจังเสียที
มีหลายอย่าง คงต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่แล้วแหละ •
บทความที่เกี่ยวข้อง
[ เริ่มนับหนึ่งกันใหม่ (2) ]