ผมอดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า หากวันหนึ่งมีการประกาศยกเลิกข้อบังคับการไปวัดวันอาทิตย์ จะเกิดอะไรขึ้น
        หลายคนยังคงไปวัดต่อไป เพราะรู้สึกถึงความต้องการ
       แต่จะไปด้วยความสบายใจและอิสรภาพภายในมากขึ้น
       ก่อนนี้ แม้จะไปด้วยใจสมัคร แต่ตัวกฎบัญญัติทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่าถูกบังคับ
       จนต้องคิดว่า เรื่องอย่างนี้ทำไมยังต้องให้บังคับ  น่าจะเห็นความจำเป็นกันเอง
       ถ้าเป็นเด็ก ๆ  ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เป็นผู้ใหญ่มีเหตุมีผลกันแล้ว…
       ถ้าจะพูดกันแค่เรื่องไปวัด ในศาสนาที่ไม่มีกฎข้อบังคับให้ไปวัดนั้น เห็นได้ชัดว่าศาสนิกชนที่ไปวัดต่างมีสีหน้าเบิกบาน แจ่มใส ศรัทธา
       กลับออกมาหน้าตาอิ่มบุญอย่างเห็นได้ชัด

       หลายคนคงจะเลิกไปวัด เพราะไม่เห็นความจำเป็น
       ที่ผ่านมา จำต้องไปเพราะมีกฎบัญญัติสั่งไว้ ไม่มีทางเลือก
       ในเมื่อยังเห็นว่า พระเจ้า ศาสนา เป็นส่วนเกิน… ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร
       คนประเภทนี้ บังคับหรือไม่บังคับ ก็คงไม่ต่างกันเท่าไร
       จะต่างกันตรงที่ว่า การบังคับก่อให้เกิดความรู้สึกผิด…  หนักเข้าไปใหญ๋
และเมื่อต้องไปวัด ก็ไปแต่กาย ใจไม่คิดจะ “อิน” ด้วย
       จึงเป็นการปฏิบัติตามกฎบัญญัติ แต่ก็ไม่ปฏิบัติในเวลาเดียวกัน
       เพราะการถือตามกฎบัญญัติแท้จริงนั้น ต้องปฏิบัติทั้งในลายลักษณ์อักษรและในจิตตารมณ์ของกฎข้อบังคับนั้น ๆ  
       ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่ต่างจากคนที่พระเยซูเจ้าทรงเคยตำหนินัก

        หลายคนคงจะไปบ้างไม่ไปบ้าง แล้วแต่จะสบายใจหรือไม่สบายใจ
       ราวกับว่า จะไปวัดก็ต่อเมื่อสบายใจเท่านั้น
       ซึ่งถ้าจะดูกันในความเป็นจริงแล้ว ยิ่งไม่สบายใจ ก็ยิ่งน่าจะไปวัด
       เหมือนกับ ยิ่งป่วยก็ยิ่งต้องเข้าโรงพยาบาลหรือไปหาหมอที่คลีนิค
       และนี่คือความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้พระเจ้าและศาสนากลายเป็นแค่ส่วนเกิน
       เพราะยามคนเราสบายใจ ก็คงไม่ต้องการอะไรอื่น… จะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้
       คงทำนองเดียวกันกับความคิดที่ว่าการรับศีลมหาสนิทเป็นรางวัล
       เฉพาะคนดีคนมีบุญเท่านั้นที่สมควรจะได้รับ
       ไม่ต่างกับการพูดว่า การทานอาหารเป็นรางวัลเฉพาะคนที่อิ่มหนำสำราญแล้ว… อย่างไรอย่างนั้น
       ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ยิ่งหิว ยิ่งอ่อนแอหมดเรี่ยวหมดแรง ก็ยิ่งต้องกินอาหาร
       เพราะนี่คือความจำเป็นที่ขาดเสียไม่ได้
       ทำไปทำมา อาหารเลยกลายเป็นของหวาน… จะกินก็ได้ไม่กินก็ได้
       พระเยซูเจ้าจึงทรงเป็นแค่ส่วนเกิน จะมีหรือไม่มีพระองค์ก็เห็นเป็นไร…

       หลายคนไม่คิดจะไป เพราะไปแล้วอึดอัด
       บางคนไม่ไปวัด เพียงเพราะไม่มีใครไปเป็นเพื่อน
       ทั้ง ๆ ที่ทุกคนที่ไปวัดต่างก็เป็นพี่เป็นน้องกัน เพราะเป็นลูกของพระบิดาเจ้าองค์เดียวกัน
       แต่ในเมื่อทุกคนเป็นลูกพระบิดา ทว่าไม่คิดจะเป็นพี่เป็นน้องกัน การแสดงออกจึงไม่มีอะไรให้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
       การไปวัดจึงเป็นเรื่องของกลุ่มใครกลุ่มเขา ครอบครัวใครครอบครัวเขา เพื่อนใครเพื่อนเขา…
       แล้วก็จำกัดขอบเขตกันอยู่แค่นั้น ตั้งแต่มาวัด ขณะร่วมพิธีกรรม และกลับบ้าน
       อย่างนี้ใครที่พลัดหลงมาก็เป็นแค่คนแปลกหน้า
       หรือใครไปวัดคนเดียว ก็คงต้องรู้สึกอึดอัด อายเขิน…เป็นธรรมดา

       นี่ก็อีกอย่างหนึ่ง ที่ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่…ทัศนะในการไปวัด

 

บทความที่เกี่ยวข้อง
[ เริ่มนับหนึ่งกันใหม่ (1) ]

 



-TOP-