สนวนาธรรมครั้งนั้น  มีการถามว่า  “ผมฟังอ่านพระคัมภีร์มาเกือบ  50 ปี  จนรู้หมดแล้ว อยากให้พระศาสนจักรเปลี่ยนเอาตอนอื่นมาบ้าง...”
       ฟังคำถามดูก็น่าเห็นใจ  แต่ก็น่าถามกลับ
       “พระคัมภีร์มีไว้เพื่อรู้  หรือเพื่อปฏิบัติ?”
       ถ้าพระคัมภีร์มีไว้เพื่อรู้   ก็เป็นแค่หนังสือเล่มหนึ่งสำหรับอ่านเพิ่มพูนความรู้
       อ่านเพียงครั้งสองครั้งก็น่าจะพอ  เพื่อสนองความมักรู้มักเห็น
       แต่หากพระคัมภีร์มีไว้เพื่อปฏิบัติ  ก็เป็นพระวาจาของพระเจ้าเพื่อชีวิต
       ต้องอ่านแล้วอ่านอีก
       อ่านแต่ละครั้งแล้วต้องถามตนเอง  ไม่ใช่  “รู้อะไร” แต่ “ต้องทำอะไร”
       ที่จริงจะพูดว่า  “อ่าน”  พระคัมภีร์ก็ยังไม่ถูกนัก
       ในพระคัมภีร์มีพระวาจา  การกระทำ  และชีวิตของพระเจ้า
       เปิดพระคัมภีร์จึงเป็นการ “ฟังพระเจ้าตรัส”  “ดูการกระทำของพระเจ้า”  และ “เลียนแบบชีวิตของพระเจ้า”
       หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง  “เปิดพระคัมภีร์เพื่อพบกับพระเจ้านั่นเอง
       เมื่อพบและติดต่อกับคนเราไม่  “อ่าน”  แต่  “พูดคุย”  กับบุคคลนั้น ๆ
       พบและพูดคุยกันแต่ละครั้ง  ย่อมได้อะไรต่างจากเดิม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นเพื่อนกันและรักชอบพอกันแล้ว  พูดคุยกันได้ไม่รู้เบื่อรู้หน่าย
       คนที่เกาะติดอยู่แค่ตัวอักษรของพระคัมภีร์  ก็จะได้เพียงแค่ความรู้ไป
       และถ้าต้องรู้เรื่องเดียวครั้งแล้วครั้งเล่า   มันก็น่าเบื่อหน่ายเอามาก ๆ

       การอ่านพระคัมภีร์กับการอ่านหนังสืออื่นๆ  แม้จะเป็นการอ่านเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกัน
       การอ่านหนังสือทั่วไป  เป็นตัวผู้อ่านที่รับความรู้และความบันเทิง
       ความรู้และความบันเทิงจึงเป็นกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวผู้อ่าน
       จึงเป็นความพยายามของผู้อ่านที่จะออกแรงพิชิตเพื่อจะได้มาซึ่งความรู้และความบันเทิงนั้นๆ
       แต่การอ่านพระคัมภีร์  เป็นตัวผู้อ่านที่ต้องกลับกลายเป็นสิ่งที่อ่าน
       ความพยายามของผู้อ่านจึงอยู่ในการยินยอมให้สิ่งที่อ่านพิชิตตัวเขาทั้งครบ...ความนึกคิด ทัศนคติ  การมอง การตัดสิน พฤติกรรม...
       การอ่านเพื่อได้ความรู้และความบันเทิงทำครั้งสองครั้งก็เพียงพอ
       แต่การอ่านเพื่อให้สิ่งที่อ่านเปลี่ยนแปลงชีวิตนั้นไม่มีวันพอ...จนกว่าชีวิตจะหาไม่นั่นแหละ

       รหัสธรรมยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์มนุษยชาติคือพระวจนาถทรงรับเอากายเป็นมนุษย์
       พระดำรัสของพระเจ้ากลายเป็นเลือดเป็นเนื้อในองค์พระเยซูแห่งนาซาแร็ธเมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว
       ตั้งแต่นั้นมา  รหัสธรรมอันยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อพระวาจาของพระเจ้ากลายเป็นเลือดเป็นเนื้อ... เป็นชีวิตของเรา
       นั่นคือ ทุกครั้งที่อ่านพระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์แล้ว  ทำให้พระวาจาของพระองค์เป็นชีวิต  เป็นแนวทางปฏิบัติ  เป็นรูปแบบการตัดสิน  เป็นท่าทีและพฤติกรรมของเรานั่นเอง
       วันนั้นที่พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปที่บ้านเกิดของพระองค์ทรงเข้าไปในศาลาธรรม    ทรงรับม้วนหนังสือมาอ่านตอนที่มีการกล่าวทำนายถึงพระองค์
อ่านเสร็จแล้วทรงคืนหนังสือ   และตรัสแก่ทุกคนที่นั่งฟังอยู่ในศาลาธรรมว่า
“วันนี้  สิ่งที่ท่านเพิ่งได้ยินอ่าน  สำเร็จเป็นความจริงแล้ว”
       เพราะสิ่งที่มีกล่าวทำนายถึงพระองค์มาหลายพันปีแล้วกลายเป็นจริงขึ้นมาในพระองค์นั่นเอง
       ตัวอักษรกลายเป็นชีวิต •

 

 



-TOP-